นอกจากนี้ มีคณะนักธุรกิจชั้นนำของไทยร่วมเดินทางไปกับนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย สาขาหลัก 5 สาขา ที่ร่วมเดินทางไปด้วย คือ สาขาอาหาร สาขาพลังงาน/เศรษฐกิจสีเขียว สาขาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สาขาสินค้าดีไซน์/เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และสาขาการธนาคาร โดยคณะภาคเอกชนไทยที่ร่วมเดินทางกับคณะครั้งนี้จะได้พบหารือเพื่อจับคู่และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนสวีเดน พร้อมได้เสริมสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าไทยโดยรวม และผลักดันให้ธุรกิจไทยสามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าจากไทยสู่ยุโรปได้มากยิ่งขึ้น
ประเทศสวีเดนตั้งอยู่บนคาบสมุทรสแกนดิเนเวียมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรปเหนือ โดยมีประชากรประมาณ 9.49 ล้านคนเท่านั้น ทำให้แรงงานภายในประเทศมีน้อย เศรษฐกิจส่วนใหญ่เน้นพึ่งพาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงมากกว่าการเกษตร และจากการสนับสนุนด้านการวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สูงมาก ทำให้สวีเดนเป็นประเทศผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาที่มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงติดอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน การบริหารจัดการน้ำ ความร่วมมือด้านการวิจัย และ ICT จึงเป็นโอกาสอันดีของไทยที่นายกรัฐมนตรีจะได้ศึกษาดูงานพัฒนาการและศักยภาพเหล่านี้ เพื่อนำมาปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของไทย
ด้านการค้า การลงทุน ปัจจุบันสวีเดนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 33 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 7 ในกลุ่มประเทศสมาชิก EU โดยเมื่อปี 2555 มีมูลค่าการค้ารวม 1505 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 576 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 928 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีจำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุนจากสวีเดนขยายตัวและมีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมตอกย้ำถึงความประสงค์ของไทยที่จะเป็นพันธมิตรทางการค้าที่เชื่อถือได้ (reliable partner) ของสวีเดนและสหภาพยุโรป