รัฐบาลกลางจีนได้ระบุในแถลงการณ์ว่า เจ้าของบ้านที่ขายบ้านจะถูกเก็บภาษีรายได้เป็นจำนวนสูงถึง 20% ของกำไรจากการทำธุรกรรม โดยก่อนที่จะใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าว อัตราภาษีรายได้อยู่ที่ 1-2% ของราคาขาย นอกจากนี้ แถลงการณ์ระบุว่า สาขาท้องถิ่นของธนาคารกลางในเมืองที่ราคาบ้านพุ่งสูงสามารถปรับเพิ่มวงเงินดาวน์และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังที่สอง
นายจาง ซู นักวิจัยการตลาดของโฮมลิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวจะเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องภาษีและการกู้ยืม ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจ
ยกตัวอย่างเช่น หากบ้านในปักกิ่งมีราคา 1 ล้านหยวน (159,236 ดอลลาร์) เมื่อ 5 ปีก่อนและขายในปัจจุบันที่ราคา 3 ล้านหยวน ผู้ขายบ้านจะถูกหักภาษีรายได้ 400,000 แสนหยวน ในขณะที่นโยบายภาษี 1% ในช่วงก่อนหน้านี้จะหักเพียง 30,000 หยวน
นายจางกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีจะส่งผลให้ต้นทุนธุรกรรมของบ้านมือสองเพิ่มสูงขึ้น และมีผลกระทบต่อการซื้อเพื่อเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ความร้อนแรงของธุรกรรมบ้านมือสองที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่หลายๆเมืองในระยะนี้จะถูกควบคุม เขากล่าว
ด้านนายเฉิน เกาเฉียง รองประธานสมาคมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จีนกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีอาจกดดันให้ผู้ซื้อหันไปซื้อบ้านใหม่
นายเฉินกล่าวต่อว่า หากอุปทานบ้านใหม่ไม่เพิ่มขึ้น อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นก็จะผลักดันให้ราคาบ้านปรับตัวขึ้นในที่สุด
นอกจากการคุมเข้มบ้านมือสองแล้ว รัฐบาลจีนยังทำงานเพื่อเพิ่มอุปทานบ้าน โดยในหนังสือแจ้งระบุว่า รัฐบาลกลางมีคำสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มอุปสงค์ที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัยและรับประกันการก่อสร้างบ้านราคาถูก
และนอกจากการปรับขึ้นภาษีแล้ว การควบคุมเงินกู้จำนองยังคาดว่าจะทำให้การเก็งกำไรลดลง
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงธุรกิจคาดว่า อัตราการวางเงินดาวน์สำหรับบ้านหลังที่สองอาจเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในเมืองขนาดใหญ่บางแห่ง และอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงถึง 3 เท่าของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง แต่อย่างไรก็ดี หนังสือแจ้งดังกล่าวไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน
ซอง เหลียง นักวิจัยอาวุโสของแบงก์ ออฟ ไชน่า กล่าวว่าการเพิ่มวงเงินดาวน์และอัตราเงินดอกเบี้ยเงินกู้สามารถสกัดการซื้อเก็งกำไรได้ แต่เจ้าหน้าที่จะต้องยกเว้นสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังที่สอง เพื่อปรับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
บทวิเคราะห์โดยสำนักข่าวซินหัว