นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 29.80/82 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 29.83/85 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามภูมิภาคและค่าเงินยูโร เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีผลกระทบเข้ามา ส่วนปัจจัยที่ตลาดจับตาดูยังคงเป็นเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรป และสถานการณ์ทางการเมืองของอิตาลี
"เงินบาทขยับแข็งค่าเล็กน้อย ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ต้องรอดูปัจจัยแบบวันต่อวัน" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ในกรอบระหว่าง 29.75-29.85 บาท/ดอลลาร์
ล่าสุด SPOT อยู่ที่ 29.7900 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.64273%
*ปัจจัยสำคัญ
- อัตราแลกเปลี่ยน บาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.วันนี้ อยู่ที่ 29.821 บาท/ดอลลาร์
- ช่วงเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 93.45/48 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 93.57/60 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3025/3028 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 1.2995 ดอลลาร์/ยูโร
- รัฐบาลจีนปรับลดเป้าหมายอัตราการขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 55 อยู่ 0.5% ขณะเดียวกันยังคงเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ปีนี้ไว้ที่ 7.5%
- รายงานการดำเนินงานของรัฐบาลที่จะมีการพิจารณาทบทวนในการประชุมประจำปีสภานิติบัญญัติจีนระบุว่า จีนจะผ่อนคลายการควบคุมการเข้าถึงตลาดสำหรับการลงทุนของภาคเอกชน พร้อมทั้งจะกระตุ้นการลงทุนดังกล่าว
- นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า จะระบุว่ารัฐบาลชุดใหม่จะปรับปรุงนโยบายด้านการกำกับดูแลตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างทันท่วงที และจะเสริมความเข็งแกร่งต่อกลไกสำหรับการการพัฒนาที่เหมาะสมและมีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) เนื่องากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้มาตรการลดการใช้จ่ายโดยอัตโนมัติของสหรัฐ
- ราคาทองคำตลาดลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,574.25 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงในช่วง 3 วันก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดุการประชุมของธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางญี่ปุ่น รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงาน ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้