ทั้งนี้ ให้ไปจัดหาในพื้นที่ใหม่แทน โดยที่ประชุมมอบหมายให้นายสมชาย เดชภิรัตน์มงคล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะคณะอนุกรรมการฯ ไปคัดเลือกว่าจะทำในเส้นทางใด ระหว่าง จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่ ในเงื่อนไขว่าต้องเป็นเส้นทางที่มีการใช้ถนนทั้งสำหรับการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์อย่างเต็มประสิทธิภาพ และให้นำกลับมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 12 มี.ค.
สำหรับการกำหนดระยะทางและงบประมาณนั้น จะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.) พิจารณาอีกครั้งหากงบประมาณเกิน 85 ล้านบาทที่ได้ขอกับสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง(สกย.)ไว้ก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ว่าถนนยางพาราน่าจะดำเนินการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อีกทั้งมีสวนยางพาราปลูกกันอย่างหนาแน่น โดยคาดว่าเมื่อตัดถนนเล้วเสร็จจะเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไปเปิดงาน
รมช.เกษตรฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่ยางพาราในโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราที่ จ.ศรีสะเกษ เกิดปัญหาเน่าเสียคิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาทว่า ในวันพรุ่งนี้(7 มี.ค.) จะส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พิจารณาเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพบความไม่ชอบมาพากลในการบริหารโครงการที่ผู้รับผิดชอบโกดังปล่อยให้ยางพาราเน่าเสีย อันเป็นการทำให้ทรัพย์สินของรัฐเสื่อมราคา