(เพิ่มเติม) ส.อ.ท.ร้าว"ธนิต"เดินหน้าฟ้องกลับ"พยุงศักดิ์" 3 ข้อหา-แนะเลือกตั้งใหม่ยุติขัดแย้ง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 6, 2013 18:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนิต โสรัตน์ รักษาการประธานและเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ประกาศจะไม่มีการเจรจาออมชอมเพื่อยุติความขัดแย้งภายใน ส.อ.ท.กับนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล โดยภายในวันที่ 11 มี.ค.นี้จะไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษใน 3 ข้อหา คือ ข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน กรณีกล่าวหาว่าตนเองและพวกบุกรุกสำนักงานฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.56 ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าตนเองกับพวกเป็นสมาชิก ส.อ.ท.ซึ่งมีสิทธิใช้สถานที่ดังกล่าวได้ตามระเบียบฯ
"ต่อนี้ไปจะไม่มีการปรองดองกันแล้ว จะเดินหน้าฟ้องร้อง" นายธนิต กล่าว

ประเด็นต่อมาคือ ข้อหาการเบิกจ่ายเงินของ ส.อ.ท.ไม่ถูกต้อง เนื่องจากนายพยุงศักดิ์แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดเข้ามารักษาการในตำแหน่งรักษาการเหรัญญิก ทำหน้าที่ลงนามสั่งจ่ายเช็คทั้งที่ไม่มีอำนาจดำเนินการ

และข้อหาใช้ชื่อ ส.อ.ท.โดยไม่มีสิทธิ์ ซึ่งส่งผลให้หน่วยงานและบุคคลภายนอกเกิดความสับสนและเข้าใจผิดว่า นายพยุงศักดิ์ยังดำรงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.โดยชอบธรรม ทั้งๆ ที่ได้ทำหนังสือทักท้วงตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.56 แล้ว

นายธนิต กล่าวว่า ในวันที่ 18 มี.ค.56 ที่นายพยุงศักดิ์ เรียกประชุมสามัญประจำปีของสมาชิก ส.อ.ท.ทั่วประเทศ ตนเองกับพวกก็จะเรียกประชุมเช่นกัน โดยใช้สถานที่ภายในศูนย์ประชุมสิริกิต์ในวันและเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ นายธนิตยังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 6 ระบุว่า ไม่ยอมรับผลการประชุมกรรมการ กส.ประจำเดือน มี.ค.56 ของนายพยุงศักดิ์ เนื่องจากได้ถูกถอดถอนออกจากการเป็นประธานฯ แล้ว และการลงทะเบียนไม่มีความโปร่งใส มีการเตรียมการต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง เพื่อให้มีองค์ประชุมครบ ทั้งมีการลงทะเบียนซ้ำ และใบมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้อง

พร้อมกันนั้นยังเห็นด้วยกับแนวทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งต้องการให้ยุบกรรมการ ส.อ.ท. เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ในการประชุมใหญ่สามัญในเดือน มี.ค.56 เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งใน ส.อ.ท.อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีความพยายามทุกวิถีทาง ทั้งการเจรจาแบบไม่เป็นทางการ และการตั้งกรรมการ ส.อ.ท.สัมพันธ์ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะนายพยุงศักดิ์ กับพวก ปักธงยึดติดกับผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมใน ส.อ.ท.

โดยนายพยุงศักดิ์ได้ถูกถอดถอนออกจากการเป็นประธาน ส.อ.ท.ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.55 ด้วยมติของคณะกรรมการเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และได้รายงานการถอดถอนนายพยุงศักดิ์ต่อ รมว.อุตสาหกรรม ไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.55 แต่นายพยุงศักดิ์ยังคงดื้อดึงปฏิบัติหน้าที่ประธาน ส.อ.ท. และยึดครองสำนักงาน ส.อ.ท. ดังนั้นคำสั่งใดๆ ของนายพยุงศักดิ์ รวมทั้งการดำเนินธุรกรรมใดๆ ทั้งต่อภาคเอกชน และภาครัฐ จึงมิชอบด้วยกฎหมาย

"นายพยุงศักดิ์ฯ และพวกแสดงเจตนาที่ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้มีการยุติความขัดแย้งใน ส.อ.ท. เห็นได้จากการแจ้งความดำเนินดคีโดยเฉพาะคดีอาญาต่อกรรมการและสมาชิก ซึ่งล้วนแต่เป็นสมาชิกของ ส.อ.ท. ซึ่งจะทำให้กระบวนการหาข้อยุติความขัดแย้งด้วยการเจรจาไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ การแจ้งความดังกล่าวกับผู้ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แสดงถึงความแข็งกร้าวผิดวิสัยนักธุรกิจของนายพยุงศักดิ์ฯ รวมถึงนักกฎหมายของบริษัทขนาดใหญ่ และนักกฎหมายของคุณพยุงศักดิ์ฯ ขาดธรรมภิบาล แม้แต่ในวงการธุรกิจก็พยายามที่จะไม่ให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีความกัน" แถลงการณ์ฯ ระบุ

นายธนิต กล่าวว่า นายพยุงศักดิ์ใช้เล่ห์เพทุบายในการปัดถ่วงการเปิดเผยชื่อผู้ทุจริตในโครงการฝึกอบรมน้ำท่วมที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งนายพยุงศักดิ์ใช้เป็นข้ออ้างว่าถูกถอดถอนด้วยสาเหตุนี้ เพราะสภาอุตสาหกรรมจังหวัดได้ใช้ประเด็นนี้เบี่ยงเบนประเด็นด้วยการถอดถอนออกจากตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. โดยนายพยุงศักดิ์ได้โยนเรื่องดังกล่าวให้ ป.ป.ช.และกรมสอบสวนคดีพิเศษไปตรวจสอบ โดยให้เหตุผลเพียง "เชื่อได้ว่ามีการทุจริต แต่ยังไม่มีหลักฐานระบุว่าใครผิด" แสดงให้เห็นว่านายพยุงศักดิ์ไม่มีหลักฐานใดๆ แสดงว่ามีการทุจริต จึงโยนเรื่องประวิงเวลาออกไป

นอกจากนี้ นายพยุงศักดิ์ยังรีบเร่งที่จะแก้ไขข้อบังคับในการลิดรอนสิทธิของสมาชิก ซึ่งกำหนดให้นิติบุคคลสามารถมีผู้แทนมีอำนาจเต็มได้ไม่เกิน 3 คน ซึ่งสมาชิกในต่างจังหวัดมีการรู้จักกัน จึงมีการมอบหมายให้เป็นผู้แทนในบริษัทของตนเพื่อเข้าประชุม และหรือเลือกตั้งแทนตนเอง การแก้ไขข้อบังคับดังกล่าว จึงเพื่อหวังผลในการลงคะแนนเสียง

และการที่นายพยุงศักดิ์ ระบุว่า ไม่ต้องการยุบสภาอุตสาหกรรมจังหวัด แต่อ้างข้อบังคับสภาอุตสาหกรรมจังหวัดจะต้องมีสมาชิก 40 ราย ทำไมจึงต้องมากล่าวอ้างในเรื่องนี้ ในเวลาที่ ส.อ.ท.มีความขัดแย้งกัน ทั้งๆ ที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัดก็ทราบกันดีอยู่ว่า บางจังหวัดเป็นจังหวัดเล็ก มีอุตสาหกรรมน้อยราย และยังระบุถึงเรื่องการรวมจังหวัดเข้ากับคลัสเตอร์ 12 อุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องคลัสเตอร์ที่นายพยุงศักดิ์เป็นผู้ชูประเด็นมาตลอด นอกจากนี้ในวันที่ 28 ม.ค.56 ที่สมาชิกต้องการชำระค่าสมาชิก เพื่อรักษาสิทธิในการเข้าประชุมใหญ่ประจำปี ก็มีการกีดกัน ปิดห้องการเงิน เพื่อไม่ให้สมาชิกเข้าไปชำระเงินได้

รายงานข่าว แจ้งว่า หลังแถลงข่าวเสร็จนายธนิตได้พาสื่อมวลชนลงมาดูเอกสารการลงทะเบียนประชุม ส.อ.ท.ที่โรงแรมอิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เพื่อชี้ให้เห็นพิรุธเรื่องการมอบอำนาจในการเข้าประชุมแทนกันโดยไม่มีสำเนาบัตรประชาชนของทั้งผู้มอบอำนาจและรับมอบอำนาจ จนทำให้เกิดการถกเถียงกับกลุ่มสมาชิกที่สนับสนุนนายพยุงศักดิ์และทำให้บรรยากาศที่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมค่อนข้างตึงเครียด

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน แจ้งว่า ได้มีกรรมการเข้าร่วมประชุมจำนวน 176 คน จากกรรมการทั้งหมด 348 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่พอดีกับองค์ประชุมขั้นต่ำ และที่ประชุม กส.ได้มีการลงมติให้มีการลดจำนวนกรรมการบริหารลงจาก 70 คนเหลือเพียง 48 คน ซึ่งส่วนใหญ่กรรมการบริหารที่ถูกปลดคือกรรมการที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับนายพยุงศักดิ์

ด้านกรรมการบริหาร ส.อ.ท.รายหนึ่งที่เข้าร่วมประชุม กส.ในวันนี้ กล่าวว่า คณะกรรมการส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ทำอย่างไรจะให้งานเดินหน้าต่อไป เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป ให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ส่วนปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ถ้าทุกฝ่ายถอยคนละก้าว แล้วหันเข้าหากันเพื่อให้เกิดความปรองดองน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ