"ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ถ้าหากเรามีข่าวเรื่องพลังงานไฟฟ้าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มลังเล และสินค้าที่นำเข้ามาผลิตในไทยในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นสินค้าเชิงอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น หากไฟฟ้าดับจริงในอนาคตการผลิตสินค้าประเภทนี้จะได้รับผลกระทบหนัก" นายธนวรรธน์ กล่าว
กรณีเกิดความกังวลเรื่องวิกฤตไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 5-14 เม.ย.56 เนื่องจากพม่าหยุดการส่งก๊าซธรรมชาติป้อนเข้าโรงไฟฟ้านั้น นายธนวรรธน์ เชื่อว่าไม่น่าจะมีความกังวล เนื่องด้วย รมว.พลังงาน ออกมายืนยันแล้วว่าสามารถจัดหาไฟฟ้าสำรองเพิ่มเติมจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP) ป้อนเข้าสู่ระบบได้ และสามารถซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซีย รวมถึงการซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากพม่าและลาว
"หากเกิดไฟฟ้าดับ น่าจะเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยบางส่วนเท่านั้น และคงจะไม่ดับในส่วนของแหล่งอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้า" นายธนวรรธน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะต้องทำในอนาคตอันใกล้นี้ คือการเตรียมหาพลังงานไฟฟ้าสำรองเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นคงเรื่องพลังงาน เพราะเมื่อก้าวเข้าสู่ AEC ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะปรับตัวสูงขึ้น และควรปรับความคิดโดยนำพลังงานนิวเคลียร์ พลังงานจากถ่านหินเข้ามาเสริม ซึ่งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคพลังงานควรจะต้องคุยกันโดยทำให้เป็นวาระเร่งด่วน เนื่องจากแหล่งพลังงานใหม่เป็นสิ่งสำคัญ