รายงานดังกล่าวระบุว่า ยอดขาดดุลในบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นมาตรวัดทางการค้าระหว่างประเทศที่กว้างที่สุด อยู่ที่ 3.648 แสนล้านเยน
ยอดส่งออกได้ปรับตัวขึ้น 6.7% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 4.6461 ล้านล้านเยน อันเนื่องมาจากยอดส่งออกไปยังสหรัฐและกลุ่มประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 6.6% มาอยู่ที่ 6.1254 ล้านล้านเยน เนื่องจากปริมาณการนำเข้าเชื้อเพลิงจากฟอสซิลที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ แม้นโยบายของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ในการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างแข็งกร้าวอาจส่งผลดีต่อการส่งออก ด้วยการช่วยให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ แต่ข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในเร็วๆนี้
การอ่อนค่าลงของเงินสกุลเยนส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าเพิ่มขึ้น โดยอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคมีความต้องการก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ ภายหลังการเกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ ไดอิจิ อันเนื่องมาจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อเดือนมีนาคม 2554 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน