ขณะที่ธนาคารตั้งเป้ากำไรสุทธิในปีนี้ไว้ที่ 21,027 ล้านบาท โดยสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 4,300 ล้านบาท หรือ 3.7% ของรายได้รวม โดยที่อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์(ROA)อยู่ที่ 1.20% จาก 1.15% ในปี 55 และ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของทุน(ROE) อยู่ที่ 17.46% จาก 17.00% ในปี 55 ขณะที่ คาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS Ratio)จะเพิ่มเป็น 11% จาก 10.63% ในปี 55
"BIS Ratio แม้จะต่ำ แต่ก็ตามเกณฑ์ และมีการขยายตัวของสินเชื่อ...ที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อน้อย" นายวรวิทย์ กล่าว
สำหรับทิศทางในการดำเนินงานตั้งแต่ปี 56-60 ธนาคารออมสินจะเน้นการดำเนินงานในรูปแบบ" เติบโต...ยั่งยืน ตอบแทนคืนสู่สังคม"ตามที่ตั้งภารกิจ(mission)ไว้ในการเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา ให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาวิสาหกิจชุมชน โดยรักษาสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินลงทุน (ไม่รวมสภาพคล่อง) ไว้ที่ 85:15 ฐานลูกค้าสินเชื่อรายย่อยไม่น้อยกว่า 90% เงินฝากและสินเชื่อขยายตัวปีละไม่ต่ำกว่า 7% โดยเน้นการขยายตัวในกลุ่มรายย่อยมากขึ้น และกำไรสุทธิ ขยายตัวปีละไม่ต่ำกว่า 7%
"ธนาคารออมสินโตอย่างมีทิศทาง ที่ผ่านมาเหมาะสมแล้ว โดยจะเน้นคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากมองว่าคุณภาพบริการยังไม่เทียบเคียงกับธนาคารพาณิชย์"
นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า ธนาคารจะเน้นการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยจะเน้นพัฒนาบุคลากร, พัฒนาระบบ, พัฒนาโครงสร้าง และ IT ของ ธนาคาร อีกทั้งการพัฒนาเพื่อรองรับ AEC ทั้งด้านบุคลากร การออกผลิตภัณฑ์เงินฝากให้สอดคล้องกับแต่ละประเทศ อีกทั้งการพัฒนาด้านการเงิน การตลาด อาทิ การทำ Mobile Bankink และ เน้นด้านการกำกับกิจการที่ดี และการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจฐานราก โดยจะพยายามขยายธุรกรรมให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ โดยปีนี้มีแผนในการให้หมู่บ้านสามารถจ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 5 พันหมู่บ้าน
ในปีนี้ธนาคารมีแผนออก 4 ผลิตภัณฑ์ทางด้านเงินฝากในวาระครบรอบ 100 ปีธนาคารออมสิน วันที่ 1 เม.ย.นี้ ได้แก่ สลากออมสิน 3 ปี โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 25 มี.ค.-ก.ย.56, เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 100+1 สำหรับอัตราดอกเบี้ยยังรอดูความชัดเจนอีกครั้ง, เงินฝากเผื่อเรียกรุ่นเกษียณสุขสันต์ สำหรับผู้ฝากที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงกว่าปกติ และ เงินฝากประกันชีวิต GSB Life สำหรับผู้ฝากอายุ 55-80 ปี
นายวรวิทย์ กล่าวว่า นโยบายปีนี้ไม่มีความเสี่ยงมาก เน้นการพัฒนามากกว่ากำไร รวมทั้งการช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานราก และเป็นแหล่งทุนให้กับรัฐบาล อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง, โครงการน้ำ ส่วนข้อกังวลเรื่องการปล่อยสินเชื่อของธนาคารรัฐนั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารไม่กระจุกตัวที่ใดที่หนึ่ง นอกจากนี้การปล่อยสินเชื่อภาครัฐของธนาคาร คิดเป็นเพียง 19.38% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด และสินเชื่อภาคเอกชน อยู่ที่ 1.58%
"ธนาคารไม่มีแนวโน้มขยายสินเชื่อลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และมีการดูแลลูกค้าเสี่ยง เป็นรายๆ ไป"
นอกจากนี้ ธนาคารเฉพาะกิจภาครัฐ มีแนวคิดในการจัดตั้งสภาสถาบันเฉพาะกิจขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้ธนาคารรัฐทำงานไปด้วยกัน มีการแลกเปลี่ยนความเห็นทางด้านวิชาการ หลักเกณฑ์ BaselIII มีกิจกรรมร่วมกันบ้าง ซึ่งขณะนี้ร่าง MoU เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ บทบาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถลงนามกันได้เร็วๆ นี้
ส่วนเป้าหมายช่องทางการให้บริการในปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 90 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่มีสาขาของสถาบันการเงินเลย 20 แห่ง ซึ่งตรงนี้ธนาคารไม่ได้หวังกำไร แต่มองในเรื่องของการเข้าถึงสินเชื่อของประชาชน และอีก 50 แห่งจะเปิดในพื้นที่ที่มีสักภาพเชิงพาณิชย์ ส่วนอีก 20 สาขาจะเปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้า