ขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนกล่าวว่า การซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุการไถ่ถอนนานขึ้นนั้น จะเป็นทางเลือกหนึ่งของบีโอเจ หากจำเป็นต้องมีการใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของบีโอเจได้มีการหารือกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับหลายแนวทางที่เฉพาะเจาะจงสำหรับดำเนินการผ่อนคลายทางการเงิน
รายงานการประชุมระบุว่า เจ้าหน้าที่บางคนของบีโอเจอ้างถึงทางเลือกต่างๆในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงินต่างๆที่มีอยู่กับบีโอเจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.1% และเพิ่มขนาดการซื้อตราสารหนี้เอกชนและกองทุน ETF ซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าตราสารหนี้ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หลายคนของบีโอเจได้แสดงความวิตกกังวลต่อทางเลือกเหล่านี้ โดยกล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประเมินผลดีและผลเสียของมาตรการเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
ส่วนในการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 ก.พ.ที่ผ่านมา บีโอเจมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.1% นอกจากนี้ บีโอเจยังไม่ประกาศผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมครั้งนี้ โดยบีโอเจต้องการประเมินผลกระทบของการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ขณะเดียวกันบีโอเจยังได้ปรับเพิ่มการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
นอกเหนือจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.1% แล้ว บีโอเจยังได้ตัดสินใจคงแผนการเพิ่มขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์เป็น 101 ล้านล้านเยนภายในสิ้นปีนี้