พร้อมกับขอให้หน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการทางการค้า และกฎระเบียบทางการค้าต่างๆ ซึ่งจะนำมารวบรวมไว้ในคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศ(NTR) ของไทย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความเห็นว่าคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียนควรเริ่มต้นใช้งานได้จริงภายในปี 58 ดังนั้นไทยควรเริ่มจัดตั้งคลังข้อมุลทางการค้าระดับประเทศโดยเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันอินโดนีเซียได้จัดตั้งคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นกำลังดำเนินการจัดตั้งคลังข้อมูลทางการค้าระหว่างประเทศของตน
สำหรับประโยชน์ของการจัดตั้งคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศ และการจัดตั้งคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียน มีดังนี้
1.คลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศ และคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียนเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางการค้า และที่เกี่ยวข้องกับการค้า ซึ่งมาตรการทางการค้าต่างๆ รวมถึงกฎระเบียบด้านการค้า และที่เกี่ยวข้องกับการค้า และการอำนวยความสะดวกทางการค้าอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์อยู่แล้ว สำหรับข้อมูลเสริมซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้ายังกระจายอยู่ในกระทรวงอื่นๆ
2.กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้แทนหลักในการประสานงานการดำเนินการทางด้านเศรษฐกิจการค้าภายในอาเซียน ทั้งในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่อาวุโสและระดับรัฐมนตรี
3.ข้อมูลมาตรการทางการค้า และกฎระเบียบทางการค้าซึ่งจะถูกบรรจุอยู่ในคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศ และคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียน จะใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับมาตรการที่มิใช่ภาษีภายในภูมิภาคอาเซียน