ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับการพัฒนาและการปฏิรูปอย่างต่อเนื่องในเมียนมาร์ รวมถึงการเดินทางเยือนยุโรปของประธานาธิบดีเมียนมาร์ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้งยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะสนับสนุนการปฏิรูปและกระบวนการปรองดองแห่งชาติของเมียนมาร์
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีฯหารือถึงการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นสาขาหลักภายใต้ MOU เพื่อพัฒนาในเมียนมาร์ โดยทั้งสองฝ่ายพ้องให้มีการค้าชายแดนมากขึ้น ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่นแม่ฮ่องสอน รวมทั้ง การอำนวยความสะดวกในเรื่องโลติสติกส์ และการข้ามแดน เช่น การจัดให้มี One Visa, One Stop ที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์
ส่วนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เดินหน้าการดำเนินการพัฒนาโครงการต่างๆให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การสร้างถนนเชื่อมต่อ เพื่อให้ทันต่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปีพ.ศ. 2558
สำหรับปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ไทยและเมียนมาร์จะร่วมกันหาแนวทางการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน และในชั้นนี้ ไทยผ่อนผันการขึ้นทะเบียนแรงงานเมียนมาร์ไปอีก 120 วัน นับแต่ 15 ธันวาคม 2555