นายกรัฐมนตรีไทยและลาวยืนยันถึงความสำคัญของกรอบความร่วมมือ ACMECS โดยเห็นว่าเป็นความร่วมมือที่ส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกเจริญก้าวหน้าและพัฒนาไปข้างหน้าร่วมกัน และยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-ลาวมีความใกล้ชิดในทุกด้าน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญสปป.ลาวเข้าร่วมการประชุม JC ครั้งที่ 18 ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะมีประเด็นหารือที่สำคัญ อาทิ การยกระดับและเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม ความร่วมมือตามแนวชายแดน เศรษฐกิจ การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และพลังงาน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองใช้โอกาสนี้ ติดตามความคืบหน้าในโครงการต่างๆ การพัฒนาความเชื่อมโยงคมนาคมทั้งระหว่างไทยและลาว รวมถึงในอนุภูมิภาค เช่น การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) ที่มีความคืบหน้าอย่างน่าพอใจ และอาจจัดพิธีเปิดสะพานอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปีนี้ได้ โครงการสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งภายในประเทศลาว และที่เชื่อมโยงไทยกับลาว
ในโอกาสที่ สปป.ลาวจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งไทย-ลาว-เวียดนาม ครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคมนี้ ไทยพร้อมที่จะเปิดกว้างให้เมียนมาร์และกัมพูชาเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมดังกล่าวในรูปแบบที่ฝ่ายลาวในฐานะเจ้าภาพเห็นสมควร นอกจากนี้ การประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย-ลาว ครั้งที่ 9 ประสบผลสำเร็จด้วยดี และผู้นำทั้งสองเห็นควรเร่งรัดการเปิดและยกระดับจุดผ่านแดนตามที่ได้หารือกันในที่ประชุมให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
อีกทั้ง ไทยยินดีสนับสนุนในหลักการในก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-ปากซัน) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยและลาวควรหารือกันอย่างละเอียดทั้งในเชิงเทคนิคและการก่อสร้าง ความคุ้มค่าและเหมาะสมว่าจะสร้างเป็นสะพานสำหรับรถไฟหรือรถยนต์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค ไทยเสนอให้สปป.ลาวจะพิจารณาเข้าร่วมโครงการ ACMCS Single Visa ซึ่งเวียดนามกำลังพิจารณาเข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีลาวได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม MOU ว่าด้วยการส่งเสริม Contact Farming ภายใต้กรอบ ACMECS