สำหรับเนื้อหาข้อตกลง ประกอบ ไปด้วยมิติด้านธุรกิจการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ การประชาสัมพันธ์และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีด้านผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างนักธุรกิจไทยและโอมาน ตลอดจนการสร้างบรรยากาศทางธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน ขยายธุรกิจการลงทุนทางด้านเทคนิคและวิทยาการร่วมกัน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมศึกษาดูงานของคณะผู้แทนทางการค้าจากสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ
"ความร่วมมือนี้จะเป็นการเปิดทางและส่งเสริมเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศให้โดดเด่นและมีความแข็งแกร่งขึ้น การค้าทองคำ อัญมณีและเครื่องประดับของทั้ง 2 ประเทศจะสำเร็จรุดหน้า เป็นมิติใหม่ทางการค้าของไทยและโอมานสู่อนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน" นายสมชาย กล่าว
ประเทศโอมาน เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 3 ของประเทศไทยในกลุ่มตะวันออกกลาง รองจากสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์และซาอุดิอาระเบีย มูลค่าการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูปโดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมาก ย่านการค้าเครื่องประดับอัญมณีที่สำคัญจะอยู่ในกรุงมัสคัต มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองคำ อัญมณีและเครื่องประดับในอัตรา 0-5% หากเป็นการนำเข้าจากประเทศในกลุ่ม GCC จะได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากร
ทั้งนี้โอมานได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติที่เสรีมากที่สุดในอ่าวอาหรับ ชาวโอมานมีพฤติกรรมการบริโภคนิยมเครื่องประดับทองคำล้วน 21 กะรัต รองลงมาคือเครื่องประดับทองตกแต่งเพชร และเครื่องประดับทองตกแต่งอัญมณีเลียนแบบ โดยมียอดจำหน่ายสูงในช่วงเทศกาลรอมฎอน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองทางศาสนาอิสลามหรือ Eid กลุ่มอื่นๆที่บริโภคเครื่องประดับได้แก่ชาวต่างชาติที่มาทำงานและอาศัย ได้แก่ชาวเอเชียใต้ และชาวตะวันตก