"รัฐบาลต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสร้างความแข็งแกร่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs OTOP และวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งในตลาดสากล ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้ให้ได้ในสัดส่วนของจีดีพีจากร้อยละ 37 เป็นร้อยละ 40 ของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดตัวโครงการ SMEs & OTOP สู่เวทีโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ธุรกิจ SMEs OTOP และวิสาหกิจชุมชนถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดการจ้างงาน 11 ล้านคน และมีมูลค่าการส่งออกถึง 3.9 ล้านล้านบาท ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้นถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะร่วมกันผลักดัน SMEs OTOP ของไทยให้มีความสามารถในการแข่งขัน เพราะปัจจุบันความเจริญได้เข้าสู่ภูมิภาคเอเซียมากขึ้น
ทั้งนี้รัฐบาลมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง เพื่อเอื้อต่อการลงทุนและประกอบธุรกิจ ซึ่งภาครัฐต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลจะลงทุนดังกล่าว โดยรัฐบาลเห็นว่าหากโครงสร้างพื้นฐานทำให้เศรษฐกิจดี เกิดการจ้างงาน เกิดมูลค่าการค้าตามแนวชายแดนเชื่อมกัน ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาทั้งโครงข่ายเทคโนโลยี พลังงาน เพื่อรองรับการเติบโตของประชาคมอาเซียน ที่สำคัญโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยการลดต้นทุนการขนส่งที่ทุกวันนี้สูงถึงร้อยละ 15 อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานนี้จะเชื่อมต้นน้ำมาถึงปลาย ทำให้ลดการสูญเสียของสินค้า นอกจากนี้จะมีการสร้างเมืองของแต่ละภาคเพื่อเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้า ดังนั้น กระทรวงการคลังและกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ