ส่วนในเรื่องวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับไซปรัสนั้น เบอร์นันเก้กล่าวว่า "เรายังไม่เห็นว่าสถานการณ์ของไซปรัสมีความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐ" โดยระบุว่า เฟดจะจับตาดูสถานการณ์ของไซปรัสต่อไป แต่ไซปรัสจะไม่สร้างความเสี่ยงที่ร้ายแรงให้กับเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ไซปรัสเองกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและอุปสรรคที่ยุ่งยากหลายประการก็ตาม
ในการประชุมครั้งนี้ เฟดมีมติใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ของหน่วยงานที่รัฐบาลให้การสนับสนุน วงเงิน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุการไถ่ถอนนานขึ้นวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้น่าจะยังคงสร้างแรงกดดันช่วงขาลงต่ออัตราดอกเบี้ยระยะยาว ช่วยหนุนตลาดจำนอง และช่วยทำให้ภาวะทางการเงินในวงกว้างมีความผ่อนคลายมากขึ้น
เบอร์นันเก้กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้จะช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐอย่างมาก พร้อมกับย้ำว่า เฟดจะยังคงประเมินต้นทุน ผลประโยชน์ และประสิทธิผลของโครงการซื้อสินทรัพย์
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวราว 2.3-2.8% ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธ.ค.ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวราว 2.3 - 3.0%