นายกฯ นำคณะโรดโชว์ที่นิวซีแลนด์หวังเพิ่มปริมาณการค้าเป็น 2 เท่าในปี 63

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 22, 2013 10:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะนักธุรกิจเดินทางไปเยือนนิวซีแลนด์เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยหวังขยายปริมาณการค้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2563

"สัมพันธภาพระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ที่เติบโตขึ้นบนพื้นฐานมิตรภาพที่แนบแน่นมายาวนานกว่า 50 ปี และความสัมพันธ์นี้ยิ่งเข้มแข็งขึ้นด้วยกลไกของความตกลงเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดระหว่างสองประเทศตามข้อตกลงที่มีมาตั้งแต่ปี 2548 ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยทั้งสองประเทศยังมุ่งมั่นขยายปริมาณการค้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2563" นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างร่วมงานเลี้ยงเพื่อส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการค้าและการลงทุนระหว่างนักธุรกิจไทย และนักธุรกิจนิวซีแลนด์ ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวลลิงตัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) และสภาธุรกิจอาเซียน-นิวซีแลนด์ (ASEAN New Zealand Combined Business Council-ANZCBC) โดยมีนาย Steven Joyce รมว.พัฒนาเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ ให้การต้อนรับ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า สาขาสำคัญที่สองประเทศจะร่วมมือกันได้ เช่น เกษตรกรรม ที่ไทยและนิวซีแลนด์ต่างเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรกรรมรายสำคัญ โดยไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวและผลไม้ ขณะที่นิวซีแลนด์ส่งออกผลไม้กีวี่แลผลิตภัณฑ์นม ดังนั้น จึงสามารถร่วมมือกัน ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา และมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเป็นอีกสาขาหนึ่งที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ด้วยทั้งสองประเทศต่างมีทัศนียภาพที่งดงาม ซึ่งขณะนี้มีนักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์เดินทางไปไทยจำนวนร่วม 100,000 คนในปีแต่ละปี ไทยและนิวซีแลนด์จึงสมารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และความร่วมมือการผลิตภาพยนต์จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับนิวซีแลนด์ประสบความสำเร็จเพราะไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองที่ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเข้มแข็งกว่าที่ประมาณการไว้ โดยเติบโตร้อยละ 6.4 เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้รัฐบาลยังดำเนินโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและส่งเสริมการลงทุน ที่มีการลดภาษีรายได้นิติบุคลจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 23 ขณะเดียวกันสถานะการเงิน การคลังยังคงแข็งแกร่ง และรัฐบาลบริหารจัดการเพื่อรักษาหนี้สาธารณะต่อ GDP ไว้ที่ร้อยละ 42 ซึ่งทำให้รัฐบาลยังสามารถดำเนินโครงการสาธารณูปโภคสำคัญ และนโยบายอื่นๆเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง ขณะที่ยังสามารถรักษาวินัยทางการเงินได้

ด้านนาย Steven Joyce ได้กล่าวชื่นชมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ที่มีพื้นฐานเข้มแข็ง รัฐบาลสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและใกล้ชิด ส่งผลให้ความร่วมมือต่างๆดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยทั้งสองประเทศต่างเป็นผู้ส่งออกอาหารรายสำคัญของโลก จึงสามารถแลกเปลี่ยนแนวคิดและความรู้ เพื่อพัฒนาสินค้า รวมทั้งมีผลผลิตทางการเกษตร เช่น ผลไม้กีวี่ แอปเปิ้ล ที่นิวซีแลนด์มีความเชี่ยวชาญด้านการปลูกและเก็บรักษา ซึ่งไทยสามารถเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านการศึกษา พลังงานสะอาด และการท่องที่ยว เป็นสาขาที่สองประเทศต่างให้ความสนใจและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือและประโยชน์ระหว่างกันได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ