พร้อมทั้งขอบคุณสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนที่จะช่วยผลักดันให้พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทผ่านสภาไปได้ ซึ่งพ.ร.บ.ดังกล่าวมีข้อดีคือ จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยาวนาน
โดยรัฐบาลมีความจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.กู้เงินฯ ดังกล่าว โครงการต่างๆ ตามร่าง พ.ร.บ.ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการลดช่องว่างคนรวยกับคนจน คนใกล้กับคนไกลให้อยู่ใกล้กัน ขณะนี้เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากให้กำลังใจรัฐบาลให้เดินหน้า แต่เนื่องจากเป็นการออกกฎหมายกู้เงินพัฒนาประเทศขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน จึงต้องใช้เวลาชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯค่อนข้างมาก "อยากให้ดูกรณีเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มุ่งมั่น ผลักดันการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ตอนนี้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แม้การออกกฎหมายนี้จะใช้เวลานานในการชำระหนี้คืนแต่ทรัพย์สินที่ลงทุนยังอยู่กับประเทศไปอีกยาวนาน" นายกิตติรัตน์ กล่าว
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รวบรวมข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เก็บรักษาเอาไว้ในห้อง 3301 ที่รัฐสภา หากส.ส.คนใดสนใจจะขอไปอ่านศึกษาสามารถขอรับได้ และยืนยันว่า พ.ร.บ.2 ล้านล้านบาทมี 19 มาตรา และมีเอกสารครบแตกต่างจาก พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็งที่มีไม่มีเอกสารหลักฐานอะไรเลย จึงมั่นใจว่ารัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้ได้
"การประชุมสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ ในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ รัฐบาลและพรรคจะเปิดห้อง 3301 ที่รัฐสภาเป็นการเฉพาะ และจะช่วยเป็นตัวหลักให้กับรัฐบาลในการชี้แจงในการประชุมสภาฯ ขณะนี้ได้มีการเตรียมเอกสารสรุปร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เพื่อแจกให้ ส.ส.เพื่อไทยนำไปศึกษาและอภิปรายในการประชุมสภาฯ นอกจากนี้จะขอให้นายโภคิน พลกุล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภาไปนั่งประจำที่ห้องดังกล่าวตลอด 2 วันที่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ด้วย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม ยังประเมินว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะอภิปรายลงลึกในรายละเอียด แต่เน้นในข้อกฎหมายมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเวลานี้พรรคเพื่อไทยมีความสง่างามกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ที่กู้เงินมาทำโครงการไทยเข้มแข็ง เพราะโครงการไทยเข้มแข็ง ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนถ้าเทียบกับร่าง พ.ร.บ.ของรัฐบาลชุดนี้ที่มี 19 มาตรา อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นงบประมาณสร้างโรงพักและโครงการต้นกล้าอาชีพก็ล้วนไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ตามกำหนดเดิมนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะบรรยายในหัวข้อ "วาระทิศทางการการพัฒนาประเทศไทย" ให้ ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้รับทราบด้วย แต่นายกฯ ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมด้วย เนื่องจากติดภารกิจการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล