ด้านนายอิสระ กล่าวว่า กรรมการชุดใหม่จะสานต่อนโยบายจากกรรมการชุดก่อน พร้อมทั้งกำหนด 5 พันธกิจสำหรับขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ 1.การสร้างสมองค์ความรู้และแบ่งปันสู่ทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ 2.การพัฒนา เพิ่มพูนทักษะในการแข่งขันของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก(SMEs) 3.การพัฒนาเครือข่ายและความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน ในทุกระดับเพื่อการพัฒนาธุรกิจทุกภาคส่วน 4.การเสริมสร้างธรรมาภิบาล และความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และ 5.การพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสังคม
สำหรับสถานการณ์เงินบาทปรับตัวแข็งค่านั้นจะต้องมีการประเมินความเห็นจากสมาชิกก่อนที่จะรวบรวมผลกระทบและข้อเสนอแนะเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล แต่ในส่วนของภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทขึ้นลงหวือหวาจนเกินไป โดยให้เคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับค่าเงินในภูมิภาค ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการหารือกับสมาชิกเพื่อรวบรมผลกระทบที่ได้รับจากเงินบาทแข็งค่า
ส่วนการกู้เงินเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลนั้น ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ในการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร แต่รัฐควรศึกษาและจัดทำรายละเอียดการใช้เงิน รวมถึงการจัดอันดับความสำคัญของการลงทุนหรือการใช้เงินก่อนหรือหลังที่ก่อให้เกิดประโยชน์
โดยเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้และรัฐบาลเริ่มกู้เงินแล้ว หอการค้าไทยต้องการเห็นความโปร่งใสในการใช้เงินลงทุนสูงสุด เพราะขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนว่ากู้ทั้งหมดหรือร่วมทุนหรือลงทุนอะไรก่อนหลัง แต่ยังเป็นเพียงแผนงานหลวมๆ ซึ่งในส่วนนี้มีองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นติดตามตรวจสอบอยู่แล้ว และหอการค้าไทยก็มีทีมงานด้านโลจิสติกส์ และทีมด้านการเงินติดตามตรวจสอบอยู่เช่นกัน