ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2822 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2775 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5187 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5129 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 1.0414 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0446 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 94.31 เยน จากระดับ 94.39 เยน แต่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9490 ฟรังค์ จากระดับ 0.9536 ฟรังค์
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากมีรางานว่าธนาคารในไซปรัสเปิดทำการอีกครั้งเป็นวันแรกในวันนี้ หลังจากที่ปิดทำการไปตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามประกาศของกระทรวงคลังไซปรัส
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกรรมของธนาคารในไซปรัสวันนี้จะยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัด ซึ่งการควบคุมครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนแห่ถอดถอนเงินฝาก หลังจากที่ได้มีการทำข้อตกลงเพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเงินฝากของธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งของไซปรัส
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4/2556 ครั้งสุดท้ายในวันนี้ โดยระบุว่าจีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัว 0.4% สูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ 0.1%
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มี.ค.เพิ่มขึ้น 16,000 ราย แตะระดับ 357,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 340,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2,250 ราย แตะที่ 343,000 ราย