รายงานดังกล่าวได้ระบุถึงธนาคารที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นในกลุ่มอาเซียนจำนวน 20 ธนาคาร ซึ่งรวมถึงธนาคารรายใหญ่ของไทย 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)
โซเฟีย ลี หัวหน้าฝ่ายจัดอันดับสถาบันการเงินของ RAM Rating Services Berhad กล่าวว่า การปล่อยเงินกู้ในระบบการธนาคารของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2555 โดยมีอัตราการขยายตัว 13.7% นอกจากการอนุมัติเงินกู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมก่อสร้างแล้ว การอนุมัติเงินกู้ในภาคครัวยังขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นเพราะได้รับแรงผลักดันจากมาตรการกระตุ้นของทางรัฐบาลไทย เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และการใช้นโยบายจูงใจด้านภาษีสำหรับผู้ซื้อรถคันแรก ส่วนอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศก็ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อปีที่แล้ว โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 6.6% แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้ RAM Rating ระบุว่า การผ่อนคลายเกณฑ์การประเมินหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เป็นการชั่วคราวของหน่วยงานกำกับดูแล ช่วยให้ NPL ในระบบการธนาคารของไทยอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ สัดส่วน NPL ของธนาคารอยู่ที่ 2.3% ในช่วงสิ้นปีพ.ศ. 2555 (ช่วงสิ้นปีพ.ศ. 2554 อยู่ที่ 2.7%) พร้อมระบุว่า การเพิ่มขึ้นของ NPL ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำท่วมในไทยนั้นอาจจะมีอยู่ เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายของธนาคารแห่งประเทศไทยใกล้จะสิ้นสุดลง แต่คาดว่าจะไม่สร้างแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ในระบบธนาคาร เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมสามารถกลับมาดำเนินงานได้แล้ว