1.โครงการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระยอง (RAyong Institute of Science & Technology หรือ RAIST) เน้นหลักสูตรด้านวิศวกรรม ตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก และ โรงเรียนวิทยาศาสตร์ระยอง (RAyong Science Academy หรือ RASA) หลักสูตรระดับมัธยมปลาย สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
สถาบันการศึกษาทั้ง 2 ระดับนี้ จะส่งผลให้เกิดนักวิจัยที่สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมในการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศได้อย่างอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมอุดมปัญญาอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ โครงการ ดังกล่าวใช้งบประมาณรวมกัน5,200 ล้านบาท ตั้งแต่ปี2556-2560 ทั้งการก่อสร้างและงานวิจัย โดยใช้ต้นแบบการพัฒนาจากหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ และสถาบันด้านงานวิจัยที่มีชื่อระดับโลก
2. โครงการสถาบันวิทยาการพลังงาน (Thailand Energy Academy หรือ TEA) จัดตั้งโดยกระทรวงพลังงาน โดย ปตท. ได้รับเกียรติให้ร่วมเป็นผู้ให้การสนับสนุน โดยพัฒนาหลักสูตรอบรมเพื่อให้ผู้นำทางความคิดจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สื่อมวลชน นักวิชาการ และประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องพลังงานอันเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของประชาชน และเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม เพื่อนำไปสู่ การใช้พลังงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนและ
3. โครงการจัดตั้ง PTT Leadership and Learning Institute (PLLI) เพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีศักยภาพสูงสุด โดยมุ่งพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development)และส่งเสริมให้เกิด Life-Long Learning เพื่อเตรียมความพร้อม Potential Future Leader ให้กลุ่ม ปตท. โครงสร้างหลักสูตรจะครอบคลุมพนักงานทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานใหม่จนถึงผู้บริหารระดับสูง ทั้งในด้าน Core Competency, Functional Competency,รวมทั้ง Global competency ซึ่งในส่วนการพัฒนาของผู้บริหารระดับสูง จะเป็นความร่วมกับสถาบันพัฒนาผู้บริหารชั้นนำระดับโลก อาทิ ฮาร์เวิร์ด บิสซิเนส สคูล (Harvard Business School) ในการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรเพื่อกลุ่ม ปตท. โดยเฉพาะ ซึ่งสถาบัน PLLI นี้จะเป็นกลไกผลักดันให้ กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายในการเป็นบริษัทพลังงานไทยข้ามชาติชั้นนำ (Thai Premier Multinational Energy Company) จากการพัฒนาศักยภาพบุคลากร นำไปสู่การพัฒนาองค์กรแบบยั่งยืน
"ทั้ง 3 โครงการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนเติบโตและรุดหน้าทัดเทียมระดับสากล เพราะปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีและพลังงาน ซึ่งองค์ความรู้ คือหัวใจสำคัญที่จะเป็นรากฐานสู่การพัฒนาที่เท่าทันการณ์ ทั้งสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศและองค์กรได้อย่างยั่งยืน"นายไพรินทร์ กล่าว