โดยมีบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ กว่า 30 บริษัท ในสาขาสำคัญต่างๆ อาทิ ธุรกิจการเงิน เครดิต และประกันภัย (ACE, AIG, Mastercard, Visa) ธุรกิจเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม (Cargill, Caterpillar, Coca-Cola) ธุรกิจน้ำมันและพลังงาน (Chevron, ConocoPhilipps) ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ (Eli Lilly, GlaxoSmithKline, Johnson&Johnson, Merck, Pfizer) ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และ IT (GE, Google, HP, IBM, Microsoft, Oracle, Qualcomm) ธุรกิจยานยนต์ การขนส่ง และโลจิสติกส์ (Ford, General Motors, Guardian Industries) เป็นต้น
ประธานสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ ได้แสดงความชื่นชมไทยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสหรัฐ ฯ ในภูมิภาค และแสดงความขอบคุณรัฐบาลไทยที่เปิดรับนักธุรกิจสหรัฐ ฯ ที่เข้ามาลงทุนในไทย และให้การสนับสนุนกิจกรรมของภาคธุรกิจเป็นอย่างดีมาตลอด พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจของไทย ที่สนับสนุนให้ธุรกิจของสหรัฐ ฯ ได้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ของไทย และยืนยันว่านักธุรกิจ USABC จะยังคงจะส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยและอาเซียนอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้ง ระบุว่า การนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ มาเยือนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่มีจำนวนนักธุรกิจมากที่สุด และมีหลากหลายสาขา ทั้งนี้สหรัฐฯ ยินดีที่เป็นประเทศคู่ค้าอันดับต้นของไทย และหวังที่จะเพิ่มพูนมูลค่าการค้าและการลงทุนให้เป็นอันดับหนึ่ง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยพร้อมเปิดรับนักลงทุนจากสหรัฐฯ มีลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ และไทยยังได้ประโยชน์เชิงเปรียบเทียบในทำเลที่ตั้ง ที่เป็นเสมือนประตูสู่ภูมิภาคอาเซียนและประเทศอื่นในภูมิภาค พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดต้นทุนการขนส่งสำหรับภาคอุตสาหกรรมทั้งในและนอกประเทศ โดยนโยบายของรัฐบาลในปีนี้ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อเพิ่มพูนความเชื่อมโยง อาทิ รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก การบริหารจัดการน้ำ และการสนับสนุนความมั่นคงทางด้านอาหารและพลังงานเพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งรัฐสภาได้ผ่าน พรบ. กู้เงินในวาระแรก โดยจะนำเงิน 66,000 ล้านบาท มาลงทุนเพื่อพัฒนาระบบราง ถนน และการเชื่อมโยงทางทะเล และอีก 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะนำมาลงทุนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
นอกจากนี้รัฐบาลยังสนับสนุนการวิจัยและค้นคว้าเพื่อแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่อยู่บนพื้นฐานความรู้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และพลังงานทางเลือก ซึ่งไทยหวังที่จะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในด้านพลังงานที่สหรัฐฯ มีความชำนาญ