"จากการติดตามข่าวจะเห็นได้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ มีมาตรการรับมือและเตรียมพร้อมในเรื่องนี้อย่างรัดกุม ทั้งนายกฯ ผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาลมีการสั่งการไปยังภาคส่วนต่างๆ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนต้องช่วยกัน ฯลฯ" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
แต่ประชาชนที่เหลืออีก 47.99% ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ไฟมากขึ้น ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ก็เช่นกันยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ระบบไฟสำรองอาจไม่เพียงพอ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐรณรงค์ประหยัดพลังงานภายใต้ชื่อ "รวมใจคนไทย สู้วิกฤตไฟฟ้า" ด้วยนโยบายปฏิบัติการ 3 ป คือ ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก ประชาชนส่วนใหญ่ 53.08% คิดว่าการรณรงค์ครั้งนี้จะได้ผล เพราะเห็นคนรอบข้างมีพฤติกรรมการประหยัดไฟมากขึ้น ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น มีการใช้ไฟลดลง ฯลฯ อีก 26.36% กลับไม่แน่ใจ เพราะสภาพอากาศในปีนี้ร้อนกว่าทุกปี ประชาชนจำเป็นต้องใช้ไฟ ยังไม่เห็นผลจากการรณรงค์ที่ชัดเจน ฯลฯ และอีก 20.56% คิดว่าไม่ได้ผล เพราะเป็นเพียงกระแสระยะสั้นๆ การรณรงค์อาจไม่ทั่วถึง ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้ไฟตามปกติ ฯลฯ
เมื่อสอบถามถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการรณงค์ประหยัดพลังงาน ประชาชนส่วนใหญ่ 67.11% ระบุว่าได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น เปิดไฟเฉพาะดวงที่จำเป็น ถอดปลั๊ก ปิดไฟ ไม่สวมเสื้อผ้าหนา คอยเตือนให้ผู้อื่นช่วยกันประหยัดไฟ ฯลฯ และยังมีประชาชนอีก 32.89% ระบุว่ามีพฤติกรรมเหมือนเดิม เพราะมีความจำเป็นต้องใช้ไฟ ปกติก็ใช้ไฟเท่าที่จำเป็นอยู่แล้ว ฯลฯ ส่วนผลกระทบจากอากาศร้อนจัดในปีนี้นั้น ประชาชน 40.30% ระบุว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ขาดจิตสำนึก ไม่ช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติ ตัดไม้ทำลายป่า อีก 30.27% ระบุว่าส่งผลต่ออารมณ์และสุขภาพร่างกาย ไม่สบาย ปวดหัว หงุดหงิด และอีก 29.43% ระบุว่า การใช้ชีวิตประจำวันลำบากมากขึ้น ต้องเปิดแอร์ เปิดพัดลมตลอดเวลา ไม่อยากไปไหน
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพลได้สำรวจความคิดเห็นดังกล่าวจากประชาชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 2,207 คน ระหว่างวันที่ 5-10 เมษายน 2556