รมว.คลังทุกข์ใจบาทแข็งค่าหนัก ห่วงดุลการค้าเป็นลบ-จับตาเก็งกำไรตลาดทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 11, 2013 14:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากสุดในรอบ 16 ปีหลุด 29 บาท/ดอลลาร์ว่า ในฐานะที่ดูแลการเงินการคลังของประเทศ ได้จับตาสถานการณ์ค่าเงินบาทด้วยความทุกข์ใจอย่างยิ่ง รวมทั้ง มีความเป็นห่วงค่าเงินบาทมาตั้งแต่ที่อยู่ในระดับสูงที่ 31 บาท/ดอลลาร์ เมื่อเดือน เม.ย.55 และรพูดในเรื่องนี้มาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาด้วยความเป็นห่วง ไม่เคยนิ่งนอนใจตั้งแต่ค่าบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยได้พยายามดูแลตามอำนาจหน้าที่เท่าที่กฎหมายอนุญาตดำเนินการ และยอมรับว่าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
"เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน และยอมรับว่ากระบวนการดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนของหน่วยงาน นอกเหนือการกำกับของกระทรวงการคลังโดยตรง เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ล้วนแต่มีผู้ทรงคุณวุฒิในการพิจารณามาตรการ ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยขอให้พิจารณาด้วยความรอบคอบ"นายกิตติรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากมีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สินค้าจำเป็นที่นำเข้าจากต่างประเทศจะมีราคาถูกลง ถือเป็นประโยชน์ในภาคธุรกิจที่มีการนำเข้าและผู้บริโภค ในทางตรงกันข้ามกลับส่งผลกระทบภาคส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการบริการ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวมองไทยจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้การประกอบธุรกิจดังกล่าวยากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาอาจกระทบการจ้างงาน ความแข็งแรงในฐานะลูกหนี้และลูกค้าในระบบธนาคาร และไม่สามารถขยายตลาดและสินค้าได้ อย่างสินค้าเกษตรในส่วนที่ส่งออก อาจทำให้ราคาสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบ

รมว.คลัง กล่าวว่า จะหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแลนโยบายทางการเงินการคลังให้มากขึ้น ที่สำคัญมีความกังวลในการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดทุนไทย

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ขอพูดถึงแนวโน้มค่าเงินบาทในอนาคตว่าจะแข็งค่าขึ้นอีกหรือไม่ อยากให้หน่วยงานที่ดูแลโดยตรงมีอิสระในการดำเนินนโยบาย แต่หากบาทแข็งค่าขึ้นเนื่องจากดุลการค้าเป็นบวกทุกฝ่ายจะเข้าใจ ในทางกลับกันหากแข็งค่าขึ้นในขณะที่ดุลการค้าเป็นลบ สาเหตุจากเงินตราต่างประเทศไหลเข้าจำนวนมาก หวังประโยชน์จากการลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตรรัฐบาล จะเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก

ขณะที่สถานการณ์การส่งออกติดลบมาตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ถือว่าผู้ส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ