"เราเห็นว่าช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะมีแรงขายจากกองทุนขนาดใหญ่ออกมาให้เห็น โดยถ้าเทียบเคียงจากกองทุน SPDR ถ้านับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการขายทองคำออกกว่า 200 ตันสะท้อนมุมมองของผู้ถือหน่วยลงทุนทองคำ" นายกมลธัญ กล่าว
ขณะที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนการอ่อนตัวของทองคำ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการขายทองคำของไซปรัส การคาดการณ์การสินสุดของมาตรการสภาพคล่องสหรัฐอเมริกา รวมถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ชะลอตัวตามการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่โดยเฉพาะจีนที่การเติบโตในไตรมาส 1 ต่ำกว่าที่คาดกัน
นอกจากนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนด้านจิตวิทยาจากการปรับประมาณการของ Investment banking รายใหญ่อย่าง Goldman sachs นอกจากนี้เมื่อกลับมามองปัจจัยทางเทคนิคที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุให้มีแรงขายออกจำนวนมาก หลังจากราคาหลุดระดับ 1,500 เหรียญ ซึ่งเป็นกรอบ Sideway ในช่วงกว่าปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้ในทางเทคนิคราคาเข้าสู่ช่วงขาลง แต่เชื่อว่าจะมีการฟื้นตัวระยะสั้นเราเพราะราคาอยู่ในเขต extremely oversold โดยมีฐานเดิมเป็นแนวหนุนสำคัญบริเวณ 1,300 เหรียญ นายกมลธัญ กล่าว
ขณะที่นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า การลดลงของราคาทองคำในช่วงวันหยุดสงกรานต์ของคนไทยนั้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของศูนย์วิจัยทองคำมากนัก เพียงแต่การลดลงครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง โดยในวันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2556 ราคาปิดลดลงจาก 1,561 เหรียญต่อออนซ์มาปิดที่ราคา 1,477 เหรียญต่อออนซ์ หรือลดลงมา 84 เหรียญคิดเป็น 5.4 % และลดลงแบบดิ่งอย่างต่อเนื่องอีก 125 เหรียญ หรือ 8.5% มาปิดในวันจันทร์ที่ 15 เมษายน 2556 ที่ราคา 1,352 เหรียญต่อออนซ์
"แค่ 2 วันราคาทองคำลดลงถึง 209 เหรียญหรือ 13.4% จากราคาปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2556 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี และเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว พบว่าราคาทองคำลดลงจากราคา 1,781 เหรียญต่อออนซ์ หรือลดลงมาถึง 429 เหรียญคิดเป็น 24.1%"
นายภูษิต กล่าวว่า การลดลงของราคาทองคำครั้งนี้ส่งผลทางจิตวิทยาระยะสั้นต่อนักลงทุนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน แต่ถ้าพิจารณาให้ดีแล้วการรลดลงของราคาทองคำครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยด้านพื้นฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกิดจากปัจจัยด้านเทคนิค ทำให้ตลาดเกิดอาการ Panic selling ซึ่งเมื่อปัจจัยดังกล่าวหมดไป ราคาทองคำจะค่อยๆ ขยับฟื้นขึ้น แต่อาจจะฟื้นตัวได้ไม่มาก เนื่องจากแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลง