ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9323 ฟรังค์ จากระดับ 0.9338 ฟรังค์ แต่ขยับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.12 เยน จากระดับ 97.85 เยน
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3050 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3013 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5284 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5237 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 1.0283 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0292 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นนตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย แตะระดับ 352,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงซบเซา
ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด รายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.1% แตะระดับ 94.7 ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะซบเซา
ส่วนค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นหลังจากทางการสเปนเปิดเผยว่า สเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้ในวงเงิน 4.7 พันล้านยูโรในวันนี้ มากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 4.5 พันล้านยูโร โดยพันธบัตรดังกล่าวมีกำหนดการไถ่ถอนในปี 2559 และ 2566
ทั้งนี้ สเปนขายพันธบัตรอายุ 10 ปีในอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 4.612% ลดลงจากการประมูลเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ระดับ 4.898% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีอยู่ที่ 3.257% ลดลงจากการประมูลครั้งก่อนที่ระดับ 3.557%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมรมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ที่กรุงวอชิงตัน โดยมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะถูกกดดันจากที่ประชุมแห่งนี้ หลังจากที่บีโอเจตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินครั้งใหญ่ในการประชุมครั้งล่าสุด