"ปัญหาที่ยากที่สุด ซึ่งยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนนั้น คือการจัดการด้านการสร้างงานและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ว่างงานระยะยาวจำนวนมากในประเทศพัฒนาแล้ว" นายชานมูการัตนัมเปิดเผยในระหว่างการหารือระดับคณะทำงานในการประชุมฤดูใบไม้ผลิของไอเอ็มเอฟวานนี้
คนวัยหนุ่มสาวในประเทศที่ร่ำรวยเผชิญกับความยากลำบากในตลาดแรงงาน ท่ามกลางภาวะการฟื้นตัวที่เชื่องช้าจากเศรษฐกิจตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตทระบุว่า อัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวในยูโรโซนแตะ 23.9% ในเดือนมี.ค. ขณะอัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวในประเทศที่เศรษฐกิจตกต่ำมากอย่างกรีซและสเปน ยังอยู่ที่กว่า 50%
ขณะที่สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐระบุว่า อัตราว่างงานของผู้จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในสหรัฐ อยู่ในระดับสูงที่ 34.4% เมื่อเทียบกับ 17.5% ในปี 2550 ก่อนจะเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แม้ว่าอัตราว่างงานของผู้จบมหาวิทยาลัยจะอยู่สูงกว่าอัตราว่างงานทั่วประเทศอยู่เพียงเล็กน้อย
สำหรับในอนาคต คาดว่าคนหนุ่มสาวในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ก็จะเผชิญความท้าทายในการหางานที่ดีเช่นกัน
"ผมคิดว่าความท้าทายในการสร้างงานที่มีคุณค่าให้แก่ประชากรจำนวนมากในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ในแนวทางที่ก่อประโยชน์และไม่นำไปสู่ความสิ้นหวังและความไม่มั่นคงทางการเมือง ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญประการหนึ่ง" นายามูการัตนัมกล่าว
นายชานมูการัตนัมกล่าวว่า ความท้าทายที่รุนแรงอันดับ 2 ที่ต้องจัดการ ก็คือการระดมเงินด้านสาธารณสุขและบำนาญ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าศักยภาพของแรงงานรุ่นต่อไปที่ชำระค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน