ส่วนการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังกับ ธปท.ที่ทำเนียบรัฐบาลวานนี้(24 เม.ย.) เป็นเพียงการหารือและสอบถามความเห็นในเรื่องเงินบาทที่แข็งค่า และกรณีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่าเงินบาทในขณะนี้แข็งค่าเกินไป แต่ยังไม่มีการพิจารณาออกมาตรการใดๆ
"ตั้งแต่บาทหล่นมาต่ำกว่า 30 บาท ก็มองว่าบาทแข็งมากเกินไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ทุกฝ่ายต่างมองตรงกันว่าค่าเงินบาทแข็งขึ้นมากจริง แต่ผมไม่สามาถรควบคุมการผันผวนของค่าเงินได้ แม้สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ว่าแบงก์ชาติมองว่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปเช่นกัน" นายกิตติรัตน์ ระบุ
ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ ยังยืนยันว่าแนวทางที่จะช่วยชะลอไม่ให้เงินบาทแข็งค่าได้นั้นคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าอยู่นี้ยังไม่สอดคล้องกับภาวะดุลการค้าและดลุบัญชีเดินสะพัดของประเทศ
อย่างไรก็ดี เงินบาทที่แข็งค่าก็มีข้อดีต่อผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าเครื่องจักรมาผลิตสินค้า รวมทั้งการนำเข้าพลังงานที่ทำให้ได้ราคาถูกลง