รมว.พาณิชย์ ประเมินว่า หากเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30-31 บาท/ดอลลาร์ จะทำให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้ 8-9% แต่หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งหากคิดเป็นเงินบาทแล้วจะสูญเสียรายได้จากการส่งออกราว 250,000 ล้านบาท และล่าสุด เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 2 บาท มาอยู่ที่ 28 บาทกว่า ซึ่งหากยังแข็งค่าในระดับนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีจะทำให้มูลค่าการส่งออกในปีนี้หายไปราว 500,000 ล้านบาท และทำให้ GDP ของไทยในปีนี้ลดลง เพราะการส่งออกมีสัดส่วนสูงถึงราว 70% ของ GDP
แต่ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่ปรับลดเป้าหมายลงในขณะนี้ เพราะต้องประเมินและรอรับฟังข้อมูลจากหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(ทูตพาณิชย์) ที่จะเดินทางมาประชุมร่วมกันในปลายเดือนพ.ค.นี้ รวมถึงการประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ก่อน
ส่วนการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับ กกร. ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในวันพรุ่งนี้(26 เม.ย.) จะเป็นการรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลกระทบของเงินบาทแข็งค่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือ รวมถึงปัญหาและอุปสรรคอื่นๆ ที่มีต่อภาคการส่งออก ซึ่งหากเป็นปัญหาและอุปสรรคที่เกิดจากกระทรวงพาณิชย์เองก็พร้อมจะแก้ปัญหาให้ทันที แต่หากเกี่ยวข้องกับกระทรวงอื่นก็จะประสานงานให้อย่างเร่งด่วน