"กิตติรัตน์"ระบุคลัง-ธปท.-สภาพัฒน์จะทำงานร่วมกันไม่ให้บาทแข็งค่าเกินไป

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 26, 2013 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมกับกระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ในการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่าว่า การหารือในวันนี้จะประเมินผลกระทบที่เกิดจากเงินบาทแข็งค่าเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกัน ซึ่งแม้จะมีความเห็นที่ต่างกันก็ตาม หลังจากนั้นจะนำผลหารือที่ได้ไปรายงานต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าในขณะนี้ เพราะมองว่าปี 56 ควรเป็นปีที่เศรษฐกิจโตได้อย่างมีศักยภาพดีและทำงานได้ง่ายกว่าปี 55 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัวจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ และมีการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ทำให้เกิดความไม่มั่นใจจากภาคเอกชน แต่ภาวะดังกล่วก็ยังทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 55 เติบโตได้ถึง 6.4% ดังนั้นหากอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ไม่แข็งค่าจนเกินไป ปีนี้ก็น่าจะเป็นปีที่เศรษฐกิจของประเทศสามารถเติบโตได้ง่ายขึ้น

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.เคยออกมายอมรับว่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป ดังนั้นจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้เงินบาทไม่แข็งค่าเกินไป เพราะเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ดีอีกปีหนึ่ง ขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าอย่างราบรื่น

"ขอให้สบายใจในหน่วยงานกำกับดูแล ไม่ได้เป็นเรื่องที่ดูว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของประชาชน" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าว

พร้อมเห็นว่า ทั้ง ธปท.และสภาพัฒน์เองต่างต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้เต็มศักยภาพ สามารถส่งออกได้มากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนแต่เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี ขอให้มั่นใจในกลไกการทำงานของประเทศ รวมถึงความมีอิสระที่ต้องถ่วงดุลการทำงานระหว่างกัน

นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าการหารือในวันนี้จะมีการออกมาตรการใดบ้างเพื่อมาดูแลสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ