นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยในภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า 28 บาท ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนว่า เป็นผลกระทบจากค่าเงินสกุลเหรียญสหรัฐ และค่าเงินเยนของญี่ปุ่น โดยภาคธุรกิจการส่งออกจะได้รับผลกระทบโดยตรง อาจทำให้ภาพรวมตัวเลขการส่งออก ที่คาดว่า จะเติบโตได้ร้อยละ 8-9 ชะลอตัวลง ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออก และแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิการชำระหนี้เงินทุนต่างประเทศก่อนกำหนด การจัดโรดโชว์เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดกิจกรรมเปิดตลาดสำคัญใน 7 ประเทศ และจะไม่ดำเนินนโยบายกู้เงินจากต่างประเทศให้กล่าวเป็นปัญหาเพิ่มขึ้น ส่วนที่จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดอัตราดอกเบี้ยลงนั้น ตนเองไม่สามารถไปก้าวก่ายการทำงานได้
สำหรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่จะเติบโตได้ร้อยละ 4.5-5.5 นั้น ยอมรับว่าเศรษฐกิจจะเติบโตช้าลง แต่ขอให้ภาคธุรกิจมั่นใจการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ทั้งนี้หากไทยไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้กว่าปีที่ผ่านมา