ก.พลังงาน เผยปริมาณใช้น้ำมันมี.ค. 56 เพิ่มขึ้นจากก.พ. ยกเว้น NGV

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 30, 2013 12:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือน มี.ค.56 อยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.3% จากเดือน ก.พ.56 แต่ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 103,453 ล้านบาท แบ่งเป็น การนำเข้าน้ำมันดิบ 9.3 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 5.3% จากเดือน ก.พ. แต่ลดลง 2.9% จากช่วงเดียวกันปีของก่อน คิดเป็นมูลค่า 97,546 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูปมีการนำเข้าอยู่ที่ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ลดลง 17.6% จากเดือน ก.พ. และลดลง 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 5,907 ล้านบาท

ส่วนการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ในเดือน มี.ค.56 อยู่ที่ 135,581 ตันต่อเดือน ลดลง 25.1% จากเดือน ก.พ.56 และลดลง 18.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 3,763 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปในเดือน มี.ค.56 อยู่ที่ 207,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 11.3% จากเดือน ก.พ. และเพิ่มขึ้น 0.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 22,073 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือน มี.ค.56 เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.56 ในส่วนของกลุ่มน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 22.49 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือน ก.พ.56 และเพิ่มขึ้น 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น น้ำมันเบนซิน 95 และ 91 จำนวน 1.85 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 10.9% จากเดือน ก.พ.56 และลดลง 80.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, น้ำมันแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 20.64 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.5% จากเดือน ก.พ.56 และเพิ่มขึ้น 83.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนน้ำมันดีเซลมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 61.49 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.1% จากเดือน ก.พ.56 และเพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่ปริมาณการใช้แอลพีจีอยู่ที่ 640,906 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้น 9.2% จากเดือน ก.พ.56 และเพิ่มขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น การใช้แอลพีจีในภาคครัวเรือน 195,864 ตันต่อเดือน แอลพีจีภาคอุตสาหกรรม 54,740 ตันต่อเดือน แอลพีจีภาคขนส่ง 155,383 ตันต่อเดือน และแอลพีจีภาคปิโตรเคมี 234,919 ตันต่อเดือน

ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) อยู่ที่ 8.6 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.56 แต่เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ถึง 7 มิ.ย.นี้ บมจ.ไทยออยล์(TOP) แจ้งว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในหน่วย CUD 2 เพื่อปรับเปลี่ยน Catalyst โดยไทยออยล์มีกำลังการกลั่นน้ำมันประมาณ 275,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังการกลั่นประมาณ 10-25%

และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) ก็ได้แจ้งว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปีในส่วนที่เป็นโรงกลั่นน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.-21 มิ.ย.นี้ และจะหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ซึ่งจะทำให้กำลังการกลั่นน้ำมันหายไปจากระบบประมาณ 200,000 บาร์เรลต่อวัน

นอกจากนี้ยังมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติอีก 3 โรง จะมีการหยุดซ่อมบำรุง ประกอบด้วย โรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 1 จะปิดซ่อมในวันที่ 11 พ.ค.-4 ก.ค. จะทำให้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 50% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 3 จะปิดซ่อมประมาณ 20 วันในเดือนกรกฎาคมนี้ จะทำให้กำลังการผลิตหายไปทั้งหมดที่ 460 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 6 จะหยุดซ่อมในวันที่ 11 พ.ค.-9 มิ.ย. ทำให้กำลังการผลิตลดลงเหลือ 50% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยทั้ง 3 โรงแยกฯ ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการปิดซ่อมโรงแยกฯ นี้ ไม่ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแอลพีจีในประเทศ เพราะได้มีการสำรองไว้แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ