สำหรับผลการเดินทางครั้งนี้ในด้านความร่วมมือด้านการเกษตร รมว.เกษตรและสหกรณ์ของไทยและจีนมีความเห็นร่วมกันถึงความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร และความร่วมมือทางด้านวิชาการ รวมทั้งได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางการเกษตรระหว่างกัน โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนาร่วมกันในด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ การลงทุนจัดตั้งบริษัทในการซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศไทย ตลอดจนความร่วมมือทางด้านสหกรณ์ ซึ่งฝ่ายจีนเห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ได้เชิญฝ่ายจีนมาแลกเปลี่ยนและศึกษาดูงานด้านสหกรณ์ในประเทศไทย เนื่องจากฝ่ายจีนกำลังจะเปลี่ยนรูปแบบการค้าของกลุ่มเกษตรกร จากระบบคอมมูนในสังคมคอมมิวนิสต์มาเป็นระบบสหกรณ์ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และนำไปสู่การซื้อขายสินค้าระหว่างกันในอนาคต ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย อยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ
ส่วนการประชุมโต๊ะกลมด้านการเกษตร ซึ่งมีภาครัฐ เอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ ร่วมฟังการประชุม นายยุคลได้อภิปรายให้ที่ประชุมฯ ทราบว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเกษตรและมีเป้าหมายในการเป็นครัวของโลก ได้มีการปฏิรูปนโยบายด้านการเกษตร โดยกำหนดเขตการผลิตสินค้าเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์ในแต่ละพื้นที่เพื่อเพิ่มผลผลิต(การจัดโซนนิ่ง) โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามนโยบายของ น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า รัฐบาลไทยได้ลงทุนในโครงการไทยแลนด์ 2020 ในกรอบวงเงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการชนส่งเพื่อเชื่อมโยงแหล่งการผลิตสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวของไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเป็นรากฐานการพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศไทยด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติแสดงความสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก