SME BANK แจง Q1/56 มีกำไรจากการดำเนินงาน 350 ลบ. NPL 31.92%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 30, 2013 17:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ปาริฉัตร เหล่าธีระศิริวงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยว่า ในสิ้นไตรมาส 1/56 NPL ของธนาคารเท่ากับ 30,731 ล้านบาท หรือเท่ากับ 31.92% จากณ สิ้นปี 55 ธนาคารมียอด NPL เท่ากับ 31,279 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.31% ซึ่งธนาคารแก้ไข NPLs ได้เป็นลำดับ โดยลูกค้า NPL ส่วนหนึ่งได้รับการแก้ไขปรับสถานะขึ้นเป็นลูกค้าปกติ จำนวน 2,482 ล้านบาท และลูกค้ามีการปิดบัญชีและชำระเงินคืนธนาคารอีก 374 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อนโยบายภาครัฐ (PSA) ที่มีการชดเชยความเสียหายซึ่งได้รับการผ่อนผันการจัดเป็นสินทรัพย์เสี่ยงและไม่ต้องกันสำรองจากกระทรวงการคลังที่ไม่ควรนับเป็น NPL อีก 1,350 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารน่าจะมียอด NPL ลดลงเหลือ 27,073 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28.12% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีหนี้บางส่วนที่ควรจะจัดชั้นคุณภาพไปตั้งแต่ปีที่แล้วได้เริ่มทยอยตกชั้นจำนวน 1,570 ล้านบาท และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นลูกค้าปกติอยู่แล้วได้ตกชั้นเพิ่มเติม 738 ล้านบาท รวมกับการจัดชั้นหนี้สินเชื่อ PSA 1,350 ล้านบาท เป็น NPL

ในไตรมาส 1/56 ธนาคารน่าจะมีกำไรสุทธิ 1,705 ล้านบาท โดยเป็นกำไรที่เกิดจากการบริหารจัดการอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของธนาคารให้สูงขึ้นเป็นไปตามภาวะตลาด และบริหารต้นทุนเงินต่ำลง รวมถึงแก้ไข NPL เป็นสินเชื่อปกติ ทำให้กลับมาสร้างรายได้ให้กับธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง ส่งผลให้ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิก่อนหักค่าใช้จ่ายดำเนินงานและสำรองส่วนเพิ่ม 719 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 4/55 ประมาณ 9%

นอกจากนี้กระทรวงการคลังได้ผ่อนผันการกันสำรองและการจัดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงของลูกหนี้กลุ่ม PSA ของธนาคารใหม่ ทำให้เงินกันสำรองควรจะลดลง 1,355 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ธนาคารเล็งเห็นว่าอาจมีสินเชื่อที่ควรจัดชั้นตามเกณฑ์คุณภาพในปีที่ผ่านมาอาจจะตกชั้นเป็น NPL ได้อีก จึงได้กันผลกำไรที่ควรจะเพิ่มขึ้นจากที่ได้รับผ่อนผันดังกล่าวเป็นสำรองส่วนเกินไว้ ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/56 ธนาคารจึงมียอดกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเท่ากับ 350 ล้านบาท

ด้านยอดเบิกจ่ายสินเชื่อ ณ ไตรมาส 1/56 ธนาคารมียอดเบิกจ่ายรวม 6,778 ล้านบาท 2,088 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นยอดเบิกจ่ายด้านสินเชื่อนโยบายภาครัฐ โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มรายย่อยวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท และสินเชื่อแฟคตอริ่ง เพื่อช่วยผู้ประกอบการเสริมสภาพคล่องธุรกิจ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นรายย่อยต่ำกว่า 15 ล้านบาท ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีลูกค้าจำนวนหนึ่งได้ชำระเงินคืนเงินกู้ และปิดบัญชีกับธนาคาร ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/56 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างเท่ากับ 96,276 ล้านบาท

BIS Ratio ณ สิ้นปี 2555 BIS Ratio ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 3.28% ซึ่งภายหลังจากธนาคารได้บริหารจัดการมีผลประกอบการกำไร และจากการผ่อนผันของกระทรวงการคลังเรื่องการกันสำรองและการจัดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงลูกหนี้กลุ่ม PSA รวมถึงเมื่อต้นเดือนเมษายน 2556 ได้มีการเพิ่มทุนให้ธนาคาร 555 ล้านบาท ส่งผลให้ BIS Ratio ของธนาคารน่าจะอยู่ที่ระดับ 7.09% แต่เนื่องจาก ธพว. จะไม่ Reverse สำรองสินเชื่อ PSA เป็นกำไรโดยจะตั้งเป็นสำรองส่วนเกินแทนจึงทำให้ BIS Ratio ลดลงเหลือ 5.10 %

อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลาที่เหลือของปี 2556 ธนาคารยังคงมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ทั้งการด้านสินเชื่อ การแก้ไขปัญหา NPL ตลอดจนเร่งรัดพัฒนาระบบ IT ที่จะมารองรับการปฎิบัติงานของธนาคารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งคณะกรรมการธนาคารและฝ่ายจัดการจะเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อธนาคารกลับคืนมาเพื่อให้เป็นสถาบันการเงินหลักเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ