น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ควรที่จะศึกษาและพัฒนาการเชื่อมโยงอย่างสอดคล้องกันกับความร่วมมือระดับภูมิภาคอื่นๆ อีกด้วย โดยเฉพาะด้านการคมนาคมขนส่ง การค้าการลงทุน การเกษตร การท่องเที่ยวอุตสาหกรรมฮาลาล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ควรจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่น พร้อมทั้งชมเชยพัฒนาการในการสร้างความเชื่อมโยงทางคมนาคม อาทิ การศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสะพานเชื่อมจังหวัดนราธิวาสกับรัฐกลันตัน และการสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์จากอำเภอหาดใหญ่ถึงอำเภอสะเดา และการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการอำนวยความสะดวกในการค้าและการขนส่งผ่านแดน อาทิ ฐานข้อมูลการตรวจสอบเอกสารและพิธีการทางศุลกากร และความตกลงการขนส่งตามแนวชายแดนรวมทั้งการบูรณาการกระบวนการผลิตข้ามแดน เช่น โครงการเชื่อมโยงเมืองยางพาราระหว่างไทยและมาเลเซีย เป็นต้น
ที่ประชุมฯ ได้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการสำคัญในแผนงาน IMT-GT ทั้งในส่วนของประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เช่น การพัฒนาความเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้ามะละกา-เปกันบารู, การขยายด่านศุลกากร/ตรวจคนเข้าเมือง/ตรวจกักกันโรคพืชและสัตว์ที่บูกิตกายูฮิตัม-สะเดา, โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหาดใหญ่-สะเดา, โครงการก่อสร้างท่าเรือนาเกลือจังหวัดตรัง, โครงการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช, การก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ระหว่างอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสกับเมืองเปิงกาลันกุโบร์ รัฐกลันตัน และสะพานแห่งที่สองระหว่างอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสกับเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน และการบูรณาการกิจกรรมในเขตเศรษฐกิจชายแดน โดยสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนมาเลเซีย-ไทย
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบความก้าวหน้าโครงการพัฒนาเมืองสีเขียวที่จังหวัดสงขลา, โครงการพัฒนาการเดินเรือเฟอร์รี่ขนส่งสินค้า(Ferry Ro-Ro) ระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย โดยเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งทางทะเลโดยเฟอร์รี่ขนส่งสินค้าเส้นทางมะละกา-ดูไม และเส้นทางภูเก็ต-ปีนัง-เบลาวัน, การเพิ่มความเชื่อมโยงทางอากาศโดยมีเส้นทางบินใหม่เพิ่มขึ้น 10 เส้นทาง ระหว่างมาเลเซียและไทย และระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยให้เจ้าหน้าที่ด้านกฎระเบียบนำความตกลงกรอบอาเซียนว่าด้วยการขนส่งที่สามารถใช้ในอนุภูมิภาคมาดำเนินการก่อน
พร้อมทั้งความก้าวหน้าของโครงการพัฒนามาตรฐานฮาลาล ระบบโลจิสติกส์ฮาลาล และการตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบผลิตภัณฑ์ฮาลาล การพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวสามประเทศเช่น เมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งอารยธรรมโบราณ และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และความร่วมมือในการพัฒนาฐานการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตรใน IMT-GT อีกด้วย
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามในความตกลงเรื่องการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาคเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย(Establishment Agreement of the Centre for Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Subregional Cooperation:CIMT) โดยประเทศสมาชิกทั้งสามประเทศ อันแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของพันธะสัญญาระหว่างสามประเทศในกรอบความร่วมมือของอนุภูมิภาคนี้ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ CIMT อย่างเป็นทางการที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย และมีผู้อำนวยการศูนย์ CIMT คนแรกมาจากประเทศไทย โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี แสดงให้เห็นถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ