ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) เดือน เม.ย.56 อยู่ที่ 102.93 เพิ่มขึ้น 1.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.06% จากเดือน มี.ค.56 โดยตัวเลข Core CPI เฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 1.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือน เม.ย.56 อยู่ที่ 107.99 เพิ่มขึ้น 4.15% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.12% จากเดือน มี.ค.56 ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าที่ไม่ใช่หมวดอาหารและเครื่องดื่มเดือนเม.ย.56 อยู่ที่ 103.04 เพิ่มขึ้น 1.42% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.33% จากเดือน มี.ค.56
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2/56 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสแรกซึ่งอยู่ที่ 3.09% เนื่องจากไตรมาส 2 เป็นช่วงฤดูฝนจึงมีสินค้าผักและผลไม้สดออกสู่ตลาดจำนวนมาก รวมถึงสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ และสุกร จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องของราคาสินค้า โดยคาดว่าทั้งปีอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.1-3.2% ซึ่งยังอยู่ในกรอบที่วางไว้ โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ 2.8-3.4%
ส่วนกรณีที่จะมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(LPG)ภาคครัวเรือน, ค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และค่าทางด่วนนั้น นางวัชรี กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้มากนัก เนื่องจากมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคในสัดส่วนที่ไม่สูง
โดยค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส มีน้ำหนักในการคำนวณเพียง 0.05% และหากปรับขึ้นราคาก็จะกระทบต่อเงินเฟ้อทั้งปีให้ปรับขึ้นเพียง 0.001% เท่านั้น ส่วนค่าทางด่วน มีน้ำหนักในการคำนวณเพียง 0.07% ซึ่งหากมีการปรับขึ้นราคาก็จะกระทบต่อเงินเฟ้อทั้งปีแค่ 0.001% เช่นกัน ขณะที่ก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนนั้นหากทะยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ ก็จะทำให้เงินเฟ้อต่อเดือนปรับเพิ่มขึ้นเพียงเดือนละ 0.0088% และส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อทั้งปีเพียงแค่ 0.06%