ประกอบกับการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกู้ต่อจำนวน 946.63 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และ จำนวน 49.44 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ จำนวน 418.19 ล้านบาท
ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลนั้น กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้จำนวน 135,497.05 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 จำนวน 115,865 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1) การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล 99,000 ล้านบาท โดยการใช้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ 20,000 ล้านบาท การออกพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ 40,000 ล้านบาท การออกพันธบัตรรัฐบาล 28,000 ล้านบาท และการกู้เงินระยะสั้น 11,000 ล้านบาท และ 2)การปรับโครงสร้างตั๋วสัญญาใช้เงิน 16,865 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งจำนวน
2.การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง (FIDF 3) ที่ครบกำหนดจำนวน 19,632.05 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1) การปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้น 12,408.80 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน และ 2) การปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน 7,223.25 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้งจำนวน นอกจากนี้ยังมีการออกพันธบัตรรัฐบาลอีก 11,867.95 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้คืน Premium FIDF 1 และ FIDF 3 ซึ่งยืมไปปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556
ส่วนการชำระหนี้ของรัฐบาลในเดือนมีนาคม 2556 กระทรวงการคลังได้ชำระหนี้เป็นเงิน 16,650.06 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การใช้เงินงบประมาณชำระหนี้ รวม 10,108.09 ล้านบาท ซึ่งเป็นการชำระหนี้ในประเทศ 10,105.07 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ย 10,104.80 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.27 ล้านบาท และการชำระหนี้ต่างประเทศ 3.02 ล้านบาท โดยเป็นการชำระดอกเบี้ย 2.11 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.91 ล้านบาท
ส่วนการชำระหนี้ของรัฐบาลจากแหล่งอื่น เป็นการชำระหนี้ที่กู้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ (FIDF1) โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 จำนวน 3,004.03 ล้านบาท เพื่อชำระดอกเบี้ย โดยใช้เงินที่ได้รับจากเงินนำส่งของสถาบันการเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราร้อยละ 0.46 ของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครองและยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน และการชำระหนี้ที่กู้ภายใต้ พ.ร.ก.ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สองฯ (FIDF3) โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 2 จำนวน 3,537.94 ล้านบาท เพื่อชำระดอกเบี้ยโดยใช้เงินที่ได้รับจากเงินนำส่งของสถาบันการเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราร้อยละ 0.46 ของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครองและยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน
สำหรับการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจเดือนมีนาคม 2556 พบว่ารัฐวิสาหกิจได้มีการกู้เงินในประเทศเป็นเงิน 60,508 ล้านบาท ขณะที่รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นเงิน 9,850 ล้านบาท