นอกจากนี้ ยังมีโครงการขยายโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ลำตะคอง หน่วยที่ 3 และ 4 กำลังผลิต 500 เมกะวัตต์ จากเดิมมีอยู่ 2 หน่วย ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เมกะวัตต์ และโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดแห่งใหม่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ ในจังหวัดกระบี่ เบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม(EHIA) และคาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในอีก 2 ปีข้างหน้า จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2562
ผู้ว่า กฟผ.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยส่วนใหญ่ตอบรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว แม้มีบางส่วนที่ยังมีความกังวลปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่ง กฟผ.ได้เชิญผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขมาให้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชน โดยมั่นใจ เทคโนโลยีที่ กฟผ.เลือกใช้เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้เกือบทั้งหมด และปล่อยฝุ่นละอองต่ำกว่ามาตรฐานกำหนด แต่ยอมรับว่า ภาครัฐจะต้องใช้ความเข้มแข็งในการผลักดันโครงการ เพราะจะต้องมีผู้ไม่เห็นด้วยไม่มากก็น้อย
"การผลักดันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ของ กฟผ. ที่ต้องการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เทียบเท่าระดับสากล และสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ เพราะไทยพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าเกือบร้อยละ 70 ขณะที่แหล่งเชื้อเพลิงในประเทศกำลังหมดไป โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ ทำให้ในอนาคต ไทยจำเป็นต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี ซึ่งมีราคาแพง มาใช้ในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น" ผู้ว่า กฟผ. ระบุ
สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ผู้ว่า กฟผ. ยอมรับว่า จะทำให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่ำลง สะท้อนผ่านค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. ที่ลดลง 5.12 สตางค์ต่อหน่วย รวมทั้งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง กฟผ. ได้สนับสนุนให้บริษัทในเครือ เช่น บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง (RATCH )และ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งทั้ง กฟผ. และบริษัทลูกทั้งสองแห่ง มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำเพียง 0.5 เท่า จึงมีศักยภาพในการลงทุนอีกมาก และการออกไปลงทุนต่างประเทศ จะช่วยชะลอไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเกินไป โดยจะเลือกลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าและสายส่งกับอาเซียน และไทยได้รับประโยชน์จากการซื้อไฟฟ้าในราคาถูก
ขณะที่ผลกระทบด้านการเงินจากการแข็งค่าของเงินบาทไม่มีผลกระทบต่อ กฟผ. เนื่องจากหนี้สินที่มีอยู่ขณะนี้ประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ร้อยละ 98 เป็นเงินบาท โดยมีสินทรัพย์มากกว่า 4.3 แสนล้านบาท ขณะที่กำไรอยู่ที่ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท