ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 99.03 จากระดับ 97.96 เยน เมื่อวันพฤหัสบดี, ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9359 จากระดับ 0.9352 ฟรังค์ และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.0079 จากระดับ 1.0076 ดอลลาร์แคนาดา
ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3109 จากระดับ 1.3057 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.5564 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5532 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.0314 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0257 ดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 145,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 7.5% จากระดับ 7.6% ในเดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551
นอกจากนี้ อัตราการจ้างงานเดือนก่อนหน้านี้ยังได้รับการปรับทบทวนขึ้นมาเป็น 138,000 ตำแหน่ง เทียบกับรายงานเบื้องต้นที่ 88,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ การจ้างงานเพิ่มขึ้นในหลายภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงภาคการขนส่ง สาธารณูปโภค ค้าปลีก และบริการด้านสุขภาพ ซึ่งทำให้จำนวนชาวอเมริกันที่ไม่มีงานทำลดลงจาก 11.74 ล้านคนในเดือนมี.ค. มาอยู่ที่ 11.66 ล้านคนในเดือนเม.ย.
ดอลลาร์พุ่งขึ้นเกือบ 1% เมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากข้อมูลแรงงานล่าสุดช่วยหนุนมุมมองบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และกระตุ้นให้นักลงทุนขายสกุลเงินที่มีความปลอดภัย โดยเฉพาะเงินเยน เพื่อไปซื้อสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ด้านเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นจากที่ร่วงลงเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.5% ซึ่งนับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของอีซีบีในรอบ 10 เดือน และถึงแม้จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่การลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้ก็ยังคงสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อสกุลเงินยูโร