นางแนนซี เคอร์ติน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัท โคลส บราเธอร์ส แมเนจเมนท์ ในประเทศอังกฤษ กล่าวแสดงความเห็นกับสำนักข่าวซินหัวว่า "อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในยูโรโซนกำลังถดถอยลงทั้งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก การที่อีซีบีตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยถือเป็นมาตรการเชิงบวกที่นำมาใช้แทนการรัดเข็มขัด และเป็นมาตรการที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น"
"จีดีพีในยูโรโซนได้หดตัวลงในช่วงราว 5 ไตรมาส และมีแนวโน้มว่าจีดีพีจะหดตัวรุนแรงขึ้นในไตรมาสนี้ 0.9% เป็น 1.5% ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ก็เป็นลบมาเป็นเวลานานถึง 7 ไตรมาส" นางเคอร์ตินกล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ นางเคอร์ตินยังกล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอนั้น เธอเชื่อว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลของประเทศยูโรโซน รวมถึงอีซีบี จะต้องใช้นโยบายที่สนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น
นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีแถลงต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมครั้งล่าสุดว่า การที่อีซีบีตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในวันนี้เนื่องจากอีซีบีเล็งเห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยในระยะกลาง พร้อมกับกล่าวว่า ตลาดแรงงานในยูโรโซนยังคงอ่อนแอ และคาดว่าภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจจะยังคงยืดเยื้อไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ อย่างไรก็ตาม นายดรากิกล่าวว่า ความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในยูโรโซนนั้น ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบีในการประชุมครั้งล่าสุดนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2555 และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เศรษฐกิจยูโรโซนเผชิญกับความอ่อนแอ โดยล่าสุดดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนเม.ย.ยังคงหดตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ ภาคการผลิตของเยอรมนี ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาค มีการหดตัวรุนแรงขึ้นในเดือนที่แล้ว ซึ่งตอกย้ำถึงภาวะอ่อนแรงของสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม