นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 29.59/61 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.56/58 บาท/ดอลลาร์
ทิศทางวันนี้คาดว่าเงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ส่วนข่าวที่ออกมาว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เตรียมมาตรการไว้ 4 ระดับสำหรับใช้ในการดูแลค่าเงินบาทนั้น มีผลให้เงินบาทจะไม่กลับไปแข็งค่าได้อย่างรวดเร็วเหมือนในช่วงที่ผ่านมาแล้ว เพราะเมื่อใดที่บาทเริ่มกลับมาแข็งค่า มาตรการที่เตรียมไว้ก็จะถูกนำออกมาใช้
"นักลงทุนต่างชาติตอนนี้อาจจะเริ่มซื้อบอนด์น้อยลง หรือถือดอลลาร์เก็บไว้ดีกว่า รอดูทีท่าว่ามาตรการ 4 ตัวนี้จะนำออกมาใช้หรือไม่ อย่างไร" นักบริหารเงินกล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ 29.50-29.70 บาท/ดอลลาร์ โดยมองว่าระยะนี้ปัจจัยในประเทศจะมีผลให้เงินบาทอ่อนค่าได้มากกว่าปัจจัยจากต่างประเทศที่ไม่ค่อยมีผลต่อค่าเงินบาทมากนัก
*ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 99.02/04 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3086/3088 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 29.6500 บาท/ดอลลาร์
- สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(7 พ.ค.) ขานรับรายงานที่ว่ายอดสั่งซื้อในภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการเทขายของกองทุน ETF โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 19.2 ดอลลาร์ หรือ 1.31% ปิดที่ 1,448.8 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอาจทำให้ความต้องการพลังงานซบเซาลงด้วย
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 54 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 95.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.0% ปิดที่ 104.4 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากตลาดมีมุมมองที่เป็นบวกว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางประเทศต่างๆจะช่วยกระตุ้นผลประกอบการของภาคเอกชน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลการค้าจากจีน
- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และแนวโน้มที่มีความผันผวนมากขึ้นของเศรษฐกิจโลก
- สำนักงานศุลกากรจีน เผยยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของจีนเพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดการนำเข้าขยายตัว 16.8% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้า 1.816 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.