"ตอนนี้มีสัญญาณเกิดความสับสนว่า เงินบาทที่แข็งค่ากระทบภาคธุรกิจจริงหรือไม่ เพราะเมื่อวานก็เห็นมีข่าวออกมาในลักษณะที่ว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกก็ยังรับได้ ทำให้เกิดความสับสน...การประชุมก็เพื่อที่คลัง กนง. ผู้ว่าแบงก์ชาติ และ กรอ.มานั่งคุยกัน"นายอารีพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลังต้องการให้มีการลดช่องว่างของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ลง เนื่องจากขณะนี้มี Trader เข้ามาลงทุนหาผลประโยชน์จากส่วนนี้ เพราะนอกจากผลตอบแทนที่สูงแล้ว การลงทุนในประเทศไทยยังมีความมั่นคง และการเมืองอยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ
ส่วนมาตรการในการควบคุมการเข้าลงทุนในตลาดตราสารหนี้นั้น มองว่าประเทศยังต้องการเม็ดเงินลงทุนระยะยาวจากต่างชาติ ดังนั้น จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นของการเข้ามาลงทุน แต่หากมีการออกมาตรการที่จะกระทบความเชื่อมั่น จะทำให้กองทุนลงทุนระยะยาว เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญต่างประเทศ จะไม่เข้ามาลงทุน จึงจะส่งผลลบมากกว่า
"ล่าสุดเกาหลีใต้ก็มีการลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว...Trader ก็จะดูและช็อปไปทั่วโลกว่าบอนด์ที่ไหนให้ไดอกเบี้ยสูงแต่มีความเสี่ยง ก็ไม่เข้า แต่ถ้าประเทศไหนมั่นคง การเมืองดี ก็จะเข้าไป" นายอารีพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประชุมดังกล่าวยังไม่น่าจะมีการออกมาตรการใดๆที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่เป็นการหารือเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเท่านั้น