สำหรับการรับซื้อรอบ 2 นี้ กำหนดให้ช่วยเหลือเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีพื้นที่เพาะปลูกไม่เกิน 50 ไร่ต่อราย ในพื้นที่ 23 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น สระแก้ว จันทบุรี กระบี่ สุราษฎร์ธานี รวม 50,000 ตัน โดยอคส.จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดที่กก.ละ 25 บาท และโรงสกัดไปรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรไม่ต่ำกว่ากก.ละ 4 บาท ที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17%
ทั้งนี้ คาดว่าต้องจะใช้วงเงินในการรับซื้อทั้งหมด 1,250 ล้านบาท โดยโครงการจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.56 จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่มีความล่าช้าในการดำเนินการจึงให้ขยายระยะเวลา
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบและผลปาล์มสด เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลงมาก จึงส่งให้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกลดลงด้วย และราคาในประเทศก็ลดลงเช่นเดียวกัน ขณะที่ยังมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศอยู่มาก โดยล่าสุดวันที่ 19 เม.ย.56 มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 310,000 ตัน ส่วนราคาผลปาล์มสด(คละ) ล่าสุดเฉลี่ยที่กก.ละ 2.99 บาท ลดลงจากปี 55 ที่เฉลี่ยกก.ละ 3.02 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยที่กก.ละ 21.88 บาท