โดยคาดว่านโยบายดังกล่าวจะดำเนินการได้และมีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันทั่วประเทศใกล้เคียงกันได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนในต่างจังหวัดจะได้ใช้น้ำมันในราคาที่ลดลงเฉลี่ย 30-40 สตางค์ต่อลิตรเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
ล่าสุด ทางปตท.ได้หารือร่วมกับผู้ถือหุ้นของแทปไลน์ คือ ปตท. เอสโซ่ เชฟรอน เชลล์ และผู้ถือหุ้นของ FPT คือ บริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด และบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ถือหุ้นทั้งหมดมีความเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐทั้งการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน และการลงทุนวางท่อขนส่งน้ำมันไปทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นเครื่องข่ายใยแมงมุม ก่อนจะมีคลังน้ำมันกระจายตัวไปยังจังหวัดต่างๆ ที่ตามแผนงานก.พลังงาน กำหนดไว้เบื้องต้น คือการต่อท่อจากแทปไลน์ที่จ.สระบุรี ไปยัง จ.พิษณุโลก และจ.ลำปาง และจาก สระบุรี ไปจ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น วงเงินลงทุนประมาณ 17,000 ล้านบาท ที่เป็นผลการศึกษาก่อนหน้านี้