นายพยุงศักดิ์ กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมครั้งแรกที่มี กนง.เข้าร่วมด้วยทั้งคณะ หลังจากก่อนหน้านี้เคยมีการประชุมร่วมกันแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจากสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วแตะ 28.50 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปีในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
"เอกชนมีความพอใจที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงการคลังและธปท. ซึ่งหากการทำงานมีการประสานร่วมกัน และทันท่วงที การดูแลไม่ทิ้งช่วงห่างเกินไป ก็จะทำให้ค่าเงินบาทกลับมาใกล้เคียงกับกุลเงินในภูมิภาค"นายพยุงศักดิ์ กล่าว
ดังนั้น จึงเชื่อว่าหากสถานการณ์ค่าเงินบาทไม่ผันผวน การส่งออกในไตรมาสที่ 2 จะดีขึ้น กว่าไตรมาสที่ 1 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.3 แม้จะต้องจับตาสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจโลกควบคู่ไปด้วยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ภาคเอกชนมุ่งหวังใน 2 ประเด็น คือ การที่ให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเทียบเท่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง และต้องการให้ค่าเงินมีเสถียรภาพไม่ผันผวน