นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม หน่วยงานต่างๆได้ปิดตลาดค้าสัตว์ปีกหลายแห่งในภาคตะวันออกของจีน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสหวัดนก H7N9 ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมากต่างพากันหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีก เนื่องจากกลัวติดเชื้อไวรัสร้ายแรงดังกล่าว
หน่วยงานด้านสุขภาพ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส H7N9 รายใหม่นั้น ลดลง
ไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 130 รายทั่วประเทศจีน และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 33 ราย ก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาลในอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของจีน และทำให้ฟาร์มหลายแห่งต้องหยุดดำเนินกิจการ
สมาคมปศุสัตว์และเกษตรของจีน ระบุว่า ไวรัสหวัดนก H7N9 ทำให้อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของจีนเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านหยวน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ซุย ฉีซง อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรฉานตง กล่าวว่า "ฟาร์มไก่จำนวนมากในฉานตง ซึ่งเป็นแหล่งการผลิตเนื้อไก่ที่สำคัญในภาคตะวันออกของจีน ได้ลดจำนวน หรือกำจัดไก่ในฟาร์มของตนเอง เพื่อลดการสูญเสีย"
ซุย ฉีซง กล่าวว่า "ในวงจรการผลิตนั้น ราคาสัตว์ปีกอาจพุ่งสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อยอดการสั่งซื้อของตลาดทั่วประเทศ"
ซุย ฉีซง คาดการณ์ว่า ราคาเนื้อไก่อาจเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมิถุนายน หรือเดือนกรกฎาคม
คิน ฟู ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษศาสตร์ และการพัฒนาการเกษตรภายใต้สำนักงานวิทยาศาสตร์การเกษตรจีน ระบุว่า "การที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นคืนมาจะทำให้อุปทานเนื้อไก่ และไข่ไม่เพียงพอ ซึ่งจะกระตุ้นให้ราคาเนื้อไก่ และไข่พุ่งสูงขึ้นมาก"
อุตสาหกรรมเนื้อไก่ทั้งหมดได้รับผลกระทบหลังจากที่มีรายงานพบการติดเชื้อ H7N9 ในมนุษย์มานานกว่า 6 สัปดาห์
ในช่วง 3 สัปดาห์แรกที่เชื้อไวรัสแพร่ระบาด ราคาไข่ไก่ก็ลดลงไปถึง 30 - 40% และเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
คิน ฟู กล่าวว่า รัฐบาลจีนได้ดำเนินการเพื่อพัฒนานโยบายที่มุ่งเน้นการประกันภัยทางการเกษตร และออกสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกล่วงหน้า เพื่อลดการสูญเสีย และลดความเสี่ยงของเกษตรกร สำนักข่าวซินหัวรายงาน