Analysis: โครงการโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในเวียดนามเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย

ข่าวต่างประเทศ Tuesday May 14, 2013 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเหงียน ตัน ดุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามไฟเขียวโครงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันมูลค่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในจังหวัดบินห์ดินห์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งทะเลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT)

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำด้านอุตสาหกรรมในเวียดนามยังคงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการ

VNExpress สื่อออนไลน์ในเวียดนามรายงานคำพูดของนายโฮ กุ๊ก ดุง รองประธานคณะกรรมการประชาชนบินห์ดินห์ เพื่อเป็นการยืนยันถึงการลงนามในข้อตกลงบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MoU) เมื่อเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างเจ้าหน้าที่ของจังหวดบินห์ดินห์ และปตท. หลังจากที่ได้เจรจาต่อรองกันมายาวนานถึง 3 ปี

โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีมูลค่ามากที่สุดในเวียดนาม

โรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวจะสร้างขึ้นในเขตเศรษฐกิจฮอนฮอย ซึ่งมีโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี แรงงานต้นทุนต่ำ และค่าเช่าที่ดินต่ำสุดในเวียดนามตามที่ทางปตท.ได้ประเมินไว้

นอกจากนี้ เขตเศรษฐกิจฮอนฮอยยังมีท่าเรือน้ำลึก และตั้งอยู่ในเส้นทางการค้าเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นประตูสู่เวียดนาม และตลาดประเทศอื่นๆ

การก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันคาดว่า จะเริ่มดำเนินการในปี 2559 และจะเปิดใช้งานภายในปี 2563 โรงกลั่นดังกล่าวออกแบบมาเพื่อผลิตน้ำมันปีละ 30 ล้านตัน

น้ำมันดิบที่จะนำเข้ามาผลิตในโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้ จะนำเข้ามาจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ ซึ่งมีการกำหนดเป้าหมายไว้ว่าจะผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันได้มากกว่า 20 ชนิด โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีเป้าหมายเพื่อการส่งออก ภายใต้ MoU ปตท. จะสนับสนุนเงินลงทุนในโครงการนี้ 60% ของการลงทุนทั้งหมด และเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะมาจากนักลงทุนภายในประเทศ และต่างประเทศ

โฮ กุ๊ก ดุง กล่าวว่า ปตท. เป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีมูลค่าทางทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดอันดับ 100 บริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเงินของโลก ปตท. มีรายได้ต่อปีมากกว่า 8 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และมีกำไรต่อปีเกือบ 3.5 พันล้านดอลลาร์

โฮ กุ๊ก ดุง ระบุว่า ปตท. วางเป้าหมายจะสร้างโรงกลั่นน้ำมันในเวียดนามเพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาของบริษัท

ปตท. ได้สำรวจในเวียดนาม มาเลเซีย และพม่า ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเขตเศรษฐกิจฮอนฮอยที่อยู่ใจกลางจังหวัดบินห์ดินห์ของเวียดนามให้เป็นที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท วู ได ถัง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเขตเศรษฐกิจภายใต้กระทรวงการวางแผนและการลงทุน (MPI) กล่าวว่า แม้โครงการขนาดใหญ่ยักษ์ต้องเผชิญกับภาวะผันผวนในระบบเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ MPI ก็เดินหน้าประเมินศักยภาพของโครงการอย่างสม่ำเสมอ

ขณะที่ บริษัท เวียดนาม ออย แอนด์ ก๊าซ กรุ๊ป (PVN) ระบุว่า โครงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่ฮอนฮอยอาจก่อให้เกิดความไม่สมดุลของอุปสงค์ และอุปทานน้ำมันภายในเวียดนามได้

ปัจจุบัน โรงกลั่นดุงกวอในใจกลางจังหวัดกวางนัมสามารถผลิตน้ำมัน และก๊าซสำหรับใช้ในประเทศได้ 30% ของปริมาณการใช้น้ำมัน และก๊าซทั้งหมดในประเทศ ขณะที่โครงการอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย โรงกลั่นน้ำมันกีซอนในจังหวัดถันฮัว, โรงกลั่นน้ำมันวุงโรในจังหวัดฟู่เหยิน และโรงกลั่นน้ำมันวานฟงในจังหวัดคานห์ฮัว จะเริ่มเปิดทำการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

PVN ชี้ว่า โครงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่ฮอนฮอยไม่ได้รวมอยู่ในแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซของเวียดนาม โครงการมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จะเดินหน้าได้ด้วยหุ้นส่วนจากต่างประเทศ ขณะที่ปตท. จะรับผิดชอบเพียง 5 พันล้านดอลลาร์นั้น เรียกได้ว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับโครงการดังกล่าว

ตรัน เวียต หงาย ประธานสมาคมพลังงานเวียดนาม เผยมุมมองผ่าน VNExpress ว่า ปัจจุบัน เวียดนามไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มโรงกลั่นน้ำมัน การที่จะรวบรวมเงินทุนจำนวนมหาศาลจากนักลงทุนต่างชาติมาใช้ในโครงการสร้างโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าวถือเป็นเรื่องยากในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยากลำบากในปัจจุบัน

กระทรวงการวางแผนและการลงทุน เปิดเผยว่า จังหวัดบินห์ดินห์ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ บินห์ดินห์สามารถดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้มากถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จัดเป็นเมืองที่มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 3 ของปีนี้

โดย หลี ฟง สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ