Analysis: นักวิเคราะห์ชี้จีนยังจำเป็นต้องใช้นโยบายคุมเข้มอสังหาริมทรัพย์

ข่าวต่างประเทศ Monday May 20, 2013 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หลิว เจียนเว่ย นักสถิติอาวุโสของสำนักงานสถิติของจีน กล่าวว่า แม้ว่าช่วงขาขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองต่างๆของจีนชะลอตัวลงเมื่อเดือนเม.ย.นั้น แต่ราคาก็ยังปรับตัวสูงขึ้น การใช้นโยบายคุมเข้มถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในช่วงเวลานี้

ทางด้านจาง ต้าเหว่ย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย Centaline Property กล่าวว่า ตลาดคาดการณ์ว่า ราคาจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมาตรการคุมเข้มล่าสุดที่ได้มีการประกาศใช้เมื่อต้นเดือนมี.ค.นั้น ยังไม่ก่อให้เกิดผลพวงที่ชัดเจน เนื่องจากการคุมเข้มครั้งล่าสุดนี้ ยังไม่เห็นผลชัดเจนเหมือนช่วงที่ได้มีการใช้มาตรการคุมเข้มเมื่อเดือนพ.ค. 2553 และเดือนก.พ. 2554

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การควบคุมครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้การทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับบ้านใหม่ลดลงไปกว่า 35% ในแต่ละช่วงที่ได้มีการใช้มาตรการ แต่สถิติเดือนเม.ย.ชี้ว่า การทำธุรกรรมนั้น ร่วงลงไปเพียง 18.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

จางกล่าวว่า หากยอดการทำธุรกรรมยังไม่ร่วงลงมาก เราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ราคาจะร่วงลง

ทั้งนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีนเริ่มที่จะดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2555 เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายสนับสนุนการขยายตัว รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

ราคาที่อยู่อาศัยที่ปรับตัวขึ้นทำให้รัฐบาลออกมาตรการเมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค. เพื่อคุมเข้มภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น การจ่ายค่าเงินดาวน์เพิ่มขึ้น และคุณสมบัติการซื้อที่เข้มงวดมากขึ้น

ในเมืองระดับชั้นนำอย่างปักกิ่งนั้น มาตรการดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นอย่างดี แต่การประกาศใช้มาตรการเดียวกันในหลายๆเมืองกลับให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เนื่องจากทางการท้องถิ่นต้องการปกป้องตลาดอสังหาฯในพื้นที่ของตนเอง เพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องรายได้การคลัง

ข้อมูลทางการชี้ว่า หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นของจีนนั้น มีรายได้การคลังเพิ่มขึ้น 14.7% ต่อปีในเดือนเม.ย. เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้การคลังของรัฐบาลกลางที่อ่อนตัวลง 2.2% ท่ามกลางการฟื้นตัวที่อ่อนตัวของเศรษฐกิจ

จางยังได้เตือนถึงเรื่องกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า การขึ้นราคาอสังหาริมทรัพย์ครั้งล่าสุดนั้นได้รับแรงกระตุ้นจากการปล่อยสินเชื่อจำนวนมากเมื่อปีที่แล้ว หากรัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดอสังหาฯได้ ราคาก็จะดีดตัวสูงขึ้น

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนนั้น มีการลงทุนที่ทะยานขึ้นถึง 21.1% ต่อปี ในช่วง 4 เดือนแรกจองปีนี้ และเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี

ราคาที่ดินที่ทะยานขึ้นนั้น ยังสร้างความกังวลในเรื่องตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนา E-house China R&D ชี้ว่า ราคาที่ดินโดยเฉลี่ยที่ทางบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้เข้าซื้อนั้น พุ่งขึ้น 21.1% ต่อปี ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ซึ่งถือเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา

เมื่อเทียบเป็นรายปีแล้ว ราคาอสังหาฯในเมืองต่างๆในจีน 68 เมืองเมื่อเดือนเม.ย.นั้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาอสังหาฯในเมืองกว่างโจวเพิ่มขึ้นสูงสุด 13.7% รองลงมาคือ ปักกิ่งและเสิ่นเจิ้น

แต่จางกล่าวว่า ตลาดอสังหาฯยังไม่มีแนวโน้มว่า ราคาจะดีดตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อพิจารณาจากสต็อคที่อยู่อาศัยที่มีอยู่มากในเมืองระดับรองๆ รวมทั้งการใช้มาตรการควบคุมราคาอสังหาฯอย่างเข้มงวดในเมืองระดับชั้นนำ

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ราคาบ้านใหม่ในหลายเมืองของประเทศจีนขยายตัวช้าลงในเดือนเม.ย. เนื่องจากมาตรการคุมเข้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลเริ่มส่งผลแล้ว

จากการสำรวจราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่ของจีน พบว่าราคาบ้านใน 67 เมืองปรับตัวสูงขึ้นในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน โดยอัตราการขยายตัวสูงสุดอยู่ที่ 2.1% ลดลงจาก 3.2% ในเดือนมี.ค.

ราคาบ้านในหัวเมืองหลักชะลอตัวลงทุกเมือง โดยราคาบ้านในปักกิ่งขยายตัว 1.8% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หรือลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวในเดือนมี.ค.

ส่วนราคาบ้านในเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเซินเจิ้น เพิ่มขึ้น 2.0, 2.1 และ 1.8% ตามลำดับในเดือนเม.ย. หรือลดลง 1.2, 0.4 และ 1.0% ตามลำดับเมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวในเดือนมี.ค.

ทั้งนี้ สรุปแล้ว ในเดือนเม.ย.มี 36 เมืองที่ราคาบ้านขยายตัวช้าลงเมื่อเทียบรายเดือน สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ