ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.27 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 103.22 เยน และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9662 ฟรังค์ จากระดับ 0.9731 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2897 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2828 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5269 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5157 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.9818 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9734 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายทำกำไรสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นแตะ 83.7 จากระดับ 76.4 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคสหรัฐเริ่มลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐโดยอัตโนมัติ (sequestration)
สกุลเงินเยนดีดตัวขึ้นจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี 5 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากนายอากิระ อามาริ รมว.เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเตือนว่า หากเงินเยนอ่อนค่าลงอีกก็จะส่งผลกระทบต่อเศณษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่าเงินเยนอาจจะอ่อนค่าลงรวดเร็วเกินไปในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนในระดับหนึ่งจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอโครงการซื้อพันธบัตรเร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าเขาสนับสนุนให้เฟดชะลอการซื้อสินทรัพย์ โดยระบุว่าเฟดอาจเพียงแค่ชะลอการซื้อ แทนที่จะยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างฉับพลัน
นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของสภาคองเกรส ในวันพุธที่ 22 พ.ค.นี้ ตามเวลาท้องถิ่น และในวันเดียวกันนั้น เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ซึ่งจะตรงกับเวลาเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ค.ตามเวลาไทย