ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.2901 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2897 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.5152 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5269 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9803 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9818 ดอลลาร์สหรัฐ
แต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.54 เยน จากระดับ 102.27 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9703 ฟรังค์ จากระดับ 0.9662 ฟรังค์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมแห่งหนึ่งที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีว่า เฟดควรจะเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไปเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ด้านนายวิลเลียม ดั๊ดลีย ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวในที่ประชุมสมาคมญี่ปุ่นซึ่งจัดขึ้นที่นิวยอร์กว่า "ผมเชื่อว่าเฟดน่าจะเตรียมปรับขนาดโครงการซื้อพันธบัตร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการฟื้นฟูตลาดแรงงานให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน"
นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของสภาคองเกรส ในวันพุธที่ 22 พ.ค.นี้ ตามเวลาท้องถิ่น และในวันเดียวกันนั้น เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. ซึ่งจะตรงกับเวลาเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ค.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นแตะ 83.7 จากระดับ 76.4 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคสหรัฐเริ่มลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐโดยอัตโนมัติ (sequestration)
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาไทย หลังจากการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 26 เม.ย.นั้น คณะกรรมการบีโอเจมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เดินหน้าโครงการเพิ่มฐานเงินที่อัตรา 60-70 ล้านล้านเยนต่อปี เพื่อเพิ่มปริมาณเงินที่บีโอเจจะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในระยะเวลา 2 ปี